สมองและระบบประสาท

ศูนย์สมองและระบบประสาท

อาคาร E ชั้น 2

วันจันทร์ 08:00 - 17:00 น.
วันอังคาร – วันอาทิตย์ 08:00 - 18:00 น.

ศูนย์สมองและระบบประสาท ให้บริการด้านการรักษาพยาบาล และดูแลผู้ป่วยโรคทางสมองและระบบประสาทอย่างครบวงจร ด้วยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญโรคทางสมองและระบบประสาทโดยเฉพาะ ครบครันด้วยอุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ส่งผลให้การวินิจฉัยอาการโรคมีความถูกต้องแม่นยำ สามารถวางแผนการรักษาให้ผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์

เปี่ยมด้วยศักยภาพในการรักษาผู้ป่วยโรคทางสมองและระบบประสาท ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์สูง ได้รับการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง พร้อมด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างครบครัน

เป็นหน่วยให้บริการตรวจวินิจฉัยติดตามโรคลมชักผ่านการบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมอง เพื่อบันทึกภาพวิดิทัศน์คลื่นสมองและของผู้ป่วยด้วยคอมพิวเตอร์ขณะเกิดการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าสมองร่วมกับอาการของผู้ป่วย ซึ่งจะทำให้ทราบจุดที่ก่อให้เกิดอาการชักได้ตรงจุดกว่าการตรวจคลื่นสมองแบบธรรมดา (EEG)

ให้บริการตรวจวินิฉัยดูแลรักษาโรคเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติจะครอบคลุมไปถึงการเคลื่อนไหวที่ช้าเกินไป เช่น โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease) ซึ่งเป็นโรคของความเสื่อมทางระบบประสาทที่พบบ่อยที่พบบ่อยที่สุดโรคหนึ่งในผู้สูงอายุซึ่งปัจจุบันโรคนี้จะพบได้มากขึ้นจากสังคมที่มีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้

เป็นการตรวจวินิจฉัยหลอดเลือดสมองและคอด้วยเครื่องเอกซเรย์ โดยขณะทำหัตถการแพทย์จะใส่สายหรือท่อเล็กๆเข้าไปในหลอดเลือดแดง และฉีดสารทึบรังสีเข้าไปในหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองและบริเวณคอโดยตรง

เป็นการรักษาผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดที่คอตีบ โดยการใส่สายสวนหลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณขาหนีบ และนำอุปกรณ์ฉีดสีดูหลอดเลือดที่ตีบ และทำการใช้บอลลูนขยายหลอดเลือดที่ตีบพร้อมกับวางขดลวด (stent) เพื่อถ่างขยายหลอดเลือดที่มีปัญหา

เป็นการรักษาผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดสมองโป่งพองด้วยการใส่สายสวนหลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณขาหนีบ แล้วใส่ขดลวด (coil) เพื่ออุดหลอดเลือดที่โป่งพอง

โรค
และการรักษา

ความประทับใจจากผู้ป่วย

Stroke Pathway : การสวนลากลิ่มเลือด Mechanical Thrombectomy โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา

การรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันเฉียบพลันด้วยวิธี Mechanical Thrombectomy และการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินด้วยระบบ Stroke Fast Track ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา

หลอดเลือดสมองโป่งพองขนาดใหญ่และแตก : Stroke เคสยากและซับซ้อน คนไข้กลับมาเดินได้ภายใน 1 เดือน

คนไข้มารพ.ด้วยอาการแขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ได้ ซึ่งเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน และพอได้รับการวินิจฉัยปรากฏว่าเจอหลอดเลือดสมองโป่งพองขนาดใหญ่..รอเวลาแตก และนาทีวิกฤต..ที่ทีมแพทย์จะต้องช่วยกันผ่าตัดรักษาหลอดเลือด

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

นพ. กิตติภพ สมบูรณ์นิธิผล
รังสีวิทยาวินิจฉัย
กุมารเวชศาสตร์
นพ. กีรติ จรูญธรรมวงศ์
ประสาทศัลยศาสตร์
นพ. ชาคร จันทร์สกุล
ประสาทวิทยา
นพ. ชาญ ศุภภิญโญพงศ์
ประสาทวิทยา
นพ. ณษฐพจน์ นำผล
ประสาทศัลยศาสตร์
นพ. ณัฐกานต์ บูรณะกุล
ประสาทวิทยา
นพ. ณัฐพล อุฬารศิลป์
ประสาทวิทยา
นพ. ธนกร จตุรสุวรรณ
ประสาทศัลยศาสตร์
นพ. นิยม พิสิฐพิพัฒนา
ประสาทวิทยา
นพ. บุญฤกษ์ แสงเพชรงาม
รังสีวิทยาวินิจฉัย

หน่วยอภิบาลทารกแรกเกิดภาวะวิกฤต หรือ NICU

หน่วยอภิบาลทารกแรกเกิดภาวะวิกฤต หรือ NICU

อาคาร A ชั้น 2

วันจันทร์ - อาทิตย์
09:00 - 20:00 น.

การดูแลทารกแรกเกิดที่มีความผิดปกติ

หน่วยอภิบาลทารกแรกเกิดภาวะวิกฤต (Neonatal Intensive Care Unit: NICU) โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา พร้อมด้วยทีมกุมารแพทย์สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิด มีความพร้อมสูงทั้งทางด้านบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงการการผ่าตัดในทารกแรกเกิดที่มีความผิดปกติทางด้านศัลยกรรมโดยศัลยแพทย์เฉพาะทางเด็ก

นอกจากนั้นยังมีกุมารแพทย์เฉพาะทางในสาขาอื่นที่พร้อมจะดูแลทารกที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลในระบบต่างๆด้วย เช่น กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาโรคหัวใจ (Pediatric Cardiologist) กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาโรคทางเดินอาหาร (Pediatric Gastroenterologist) กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาโรคทางระบบประสาท (Pediatric Neurologist) เป็นต้น

  • ทารกแรกเกิดที่เกิดก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์
  • ทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์ (น้อยกว่า 2,500 กรัม)

การตั้งครรภ์แฝดถือเป็นการตั้งครรภ์ความเสี่ยงสูง ทารกแฝดที่คลอดอาจมีอาการผิดปกติ เช่น น้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์ ภาวะความเข้มข้นเลือดสูง(Polycytemia) ภาวะซีด(Anemia) ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ(Hypoglycemia) และ ปัญหาทางระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น

โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรทางการแพทย์ในทุกสาขาที่เกี่ยวข้องที่พร้อมทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดแผนการรักษา และประสานกับคุณพ่อคุณแม่อย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนการดูแลรักษามารดาและทารกให้ปลอดภัยที่สุด ดังนี้

  • สูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ (maternal-fetal medicine specialist)
  • กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิด (neonatologist) หมายถึง กุมารแพทย์ที่ดูแลรักษาทารกแรกเกิดที่มีภาวะผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอด
  • ทีมพยาบาล ประกอบด้วยพยาบาลที่ได้รับการฝึกเกี่ยวกับเรื่องการดูแลครรภ์ การคลอด และดูแลทารกหลังคลอดโดยตรง
  • พยาบาลผู้เชี่ยวชาญการดูแลระหว่างการผ่าตัดคลอด
  • พยาบาลผู้เชี่ยวชาญการดูแลทารกแรกเกิดภาวะวิกฤต
  • พยาบาลผู้ประสานงานมารดาและทารกปริกำเนิด
  • พยาบาลผู้ประสานงานการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

ความประทับใจจากผู้ป่วย

Testimonial : ภาวะวิกฤตทารกคลอดก่อนกำหนด อายุครรภ์ 6 เดือน นน. 796 กรัม

คุณแม่ประสบกับภาวะถุงน้ำคร่ำแตก จึงต้องทำคลอดทารกก่อนกำหนดด้วยอายุครรภ์เพียงแค่ 6 เดือน

Testimonial : กิจกรรม Reunion of Little fighter ให้กับนักสู้ตัวน้อย

รพ.กรุงเทพพัทยา จัดกิจกรรม Reunion of Little fighter ให้กับนักสู้ตัวน้อย ที่เคยมารับการดูแลรักษาที่หน่วยทารกแรกเกิดวิกฤต (Neonatal Intensive Care Unit)

Testimonial : คุณแม่กรรณิการ์เล่าประสบการณ์ตรงการส่งต่อเคสภาวะคลอดก่อนกำหนด

ช่วงระหว่างท้อง ไม่ได้มีภาวะใดใดผิดปกติ จนกระทั่งคุณหมอที่โรงพยาบาลจอมเทียนนัด ตอนช่วงอายุครรภ์ประมาณสามสิบสัปดาห์

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

พญ. กุลธิดา ใบงาม
กุมารเวชศาสตร์
พญ. นาถสิริ แสงสุกสว่าง
กุมารเวชศาสตร์
พญ. ปภิศา นิ่มอนงค์
กุมารเวชศาสตร์
พญ. ศศิกานต์ รุจิรไพบูลย์
กุมารเวชศาสตร์
พญ. วันนาวี สุขสมัย
กุมารเวชศาสตร์
พญ. วาสิตา โอฬารรัตน์มณี
กุมารเวชศาสตร์

สุขภาพจิต

ศูนย์สุขภาพจิต

อาคาร E ชั้น 2

วันจันทร์ – วันอาทิตย์
08:00 - 17:00 น.

ศูนย์สุขภาพจิตเป็นสถานบริการที่ให้การดูแลและรักษาด้านสุขภาพจิตแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การบำบัดผู้ป่วยนอก ไปจนถึงการดูแลผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยใน (นอนโรงพยาบาล) โดยมีแนวทางการให้บริการดังนี้

จิตเวชศาสตร์ คือ ศาสตร์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจวินิจฉัย บำบัดรักษา ส่งเสริมป้องกัน และศึกษาวิจัยปัญหาด้านจิตใจของบุคคล หรือสุขภาพจิต โดยมีการบำบัดรักษาด้วย ยาบำบัด จิตบำบัด การให้คำปรึกษา และอาจรวมถึงการบำบัดด้วยไฟฟ้า การบำบัดรักษาโดยทั่วไปเป็นการดูแลแบบผู้ป่วยนอกเป็นหลัก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรคของแต่ละบุคคล

1. บริการสำหรับผู้ที่ยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ แต่ต้องการความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต

  • การให้คำปรึกษาและประเมินสุขภาพจิต
  • ตรวจคัดกรองภาวะซึมเศร้า ไบโพลาร์ วิตกกังวล PTSD ฯลฯ
  • ใช้เครื่องมือทางจิตวิทยา เช่น แบบทดสอบทางจิตวิทยา หรือ AI วิเคราะห์พฤติกรรม

2. การบำบัดทางจิตวิทยา (Psychotherapy & Counseling)

  • จิตบำบัดรายบุคคลหรือกลุ่ม เช่น CBT (Cognitive Behavioral Therapy)
  • ดนตรีบำบัด หรือการทำสมาธิ

3. การรักษาด้วยยา (Medication Management)
4. โปรแกรมฟื้นฟูสุขภาพจิต (Mental Health Rehabilitation Program) กิจกรรมบำบัด
5. สายด่วนสุขภาพจิต โทรศัพท์ให้คำปรึกษา 24 ชั่วโมง

สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ดูแลในหอผู้ป่วยจิตเวช โดยมีทีมแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา และนักกิจกรรมบำบัด นักดนตรีบำบัดให้บริการ เฝ้าระวังภาวะอารมณ์และพฤติกรรมที่อาจเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น

คลินิกแสงตะวัน ทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกยาเสพติดและฟื้นฟูจิตใจ
โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาเข้าใจถึงความยากลำบากของผู้ที่เผชิญกับปัญหาการเสพติดและปัญหาสุขภาพจิต เราจึงได้จัดตั้ง “คลินิกแสงตะวัน” สถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองจาก กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข (ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 178) ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2545 โดยให้บริการบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติดและดูแลผู้ป่วยจิตเวชอย่างครบวงจร ทั้งแบบผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน บำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด โปรแกรมบำบัดที่ออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเลิกใช้สารเสพติดได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

บำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด

  • โปรแกรมบำบัดที่ออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเลิกใช้สารเสพติดได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
  • การดูแลโดยทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านยาเสพติดที่มีประสบการณ์
  • การให้คำปรึกษาและสนับสนุนทางจิตใจ เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ป่วย

ดูแลผู้ป่วยจิตเวช

  • การวินิจฉัยและรักษาโรคทางจิตเวชต่างๆ เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคไบโพลาร์
  • การให้คำปรึกษาและบำบัดทางจิตใจ โดยนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • การดูแลแบบองค์รวม เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข

วัตถุประสงค์

  • เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเลิกใช้สารเสพติดได้โดยไม่เกิดอาการทรมานและภาวะแทรกซ้อน
  • ลดภาระของสังคมและครอบครัวที่เกิดจากการกระทำของผู้เสพสารเสพติด
  • ฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ป่วยให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปรกติ

โรคจิตเวช คือ เป็นความผิดปกติที่ส่งผลกระทบต่อความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของบุคคล ทำให้เกิดความทุกข์ทรมานหรือความบกพร่องในชีวิตประจำวัน อาการอาจมีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรงและส่งผลต่อการดำรงชีวิตของผู้ป่วย

1. ประเภทของโรค

  • โรคซึมเศร้า (Depressive Disorders) อารมณ์ซึมเศร้า ขาดความสนใจหรือความสุขในกิจกรรมต่าง ๆ, นอนไม่หลับหรือหลับมากเกินไป,ความรู้สึกผิดและไร้ค่า,มีความคิดเกี่ยวกับการทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
  • โรควิตกกังวล (Anxiety Disorders) รู้สึกกังวลหรือกลัวอย่างมาก แม้ไม่มีเหตุผลชัดเจน ใจสั่น เหงื่อออก ตัวสั่น,หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล,ปัญหาการนอนและความสามารถในการมีสมาธิ
  • โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) มีช่วงอารมณ์ขึ้นสูง (mania) และช่วงอารมณ์ซึมเศร้า,ช่วง mania: คึกคักเกินไป ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย คิดเร็ว พูดเร็ว,ช่วงซึมเศร้า: ขาดพลังงาน สิ้นหวัง ไม่มีสมาธิ
  • โรคจิตเภท (Schizophrenia) อาการประสาทหลอน (เห็นหรือได้ยินสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง) ความคิดหลงผิดและไม่เป็นเหตุเป็นผล,พฤติกรรมและคำพูดที่ไม่สอดคล้องกัน,ขาดความสามารถในการเข้าสังคมหรือทำงานประจำ
  • โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder, OCD) มีความคิดซ้ำ ๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ (Obsession),มีพฤติกรรมที่ต้องทำซ้ำ ๆ เพื่อลดความกังวล (Compulsion),ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและกิจวัตรประจำวัน
  • โรคเครียดหลังเหตุการณ์ร้ายแรง (Post-Traumatic Stress Disorder, PTSD) ฝันร้ายและภาพเหตุการณ์สะเทือนใจซ้ำ ๆ,หลีกเลี่ยงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ร้ายแรง,อารมณ์แปรปรวนและระแวดระวังมากผิดปกติ
  • โรคสมาธิสั้น (ADHD) ขาดสมาธิในการทำกิจกรรมต่าง ๆ,อยู่ไม่นิ่งและมีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น,มีปัญหาในการจัดการเวลาและความรับผิดชอบและนอนไม่หลับ

2. สาเหตุโรคทางจิตเวชเกิดจากปัจจัยหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อสมองและระบบประสาท ได้แก่

  • พันธุกรรม หากสมาชิกในครอบครัวมีประวัติโรคทางจิตเวช โอกาสที่บุคคลจะเป็นโรคเพิ่มขึ้น
  • ความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง สารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) โดพามีน (Dopamine) และนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) มีบทบาทสำคัญในการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรม
  • ปัจจัยทางจิตสังคม ความเครียดจากการทำงาน ปัญหาครอบครัว หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางจิตใจ
  • ประสบการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ เช่น การถูกล่วงละเมิดทางร่างกายหรือจิตใจ อุบัติเหตุ หรือการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
  • การใช้สารเสพติดและแอลกอฮอล์ มีผลต่อการทำงานของสมองและอาจกระตุ้นให้เกิดหรือทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้น
  • ปัจจัยทางชีวภาพและฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงวัยรุ่นหรือสตรีที่ตั้งครรภ์ อาจส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าหรืออารมณ์แปรปรวน

3. ปัจจัยเสี่ยง หรือ กลุ่มเสี่ยง และผลนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจ

  • ผู้ที่เผชิญกับความเครียดเรื้อรังหรือเหตุการณ์สะเทือนใจผู้ป่วยบางรายอาจมีความคิดและพฤติกรรมฆ่าตัวตาย ซึ่งต้องได้รับการดูแลและช่วยเหลือโดยด่วน
  • ผู้ที่ใช้สารเสพติดหรือดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก บางคนอาจหันไปใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์เพื่อหลีกเลี่ยงอาการทางจิตเวช ซึ่งจะทำให้อาการรุนแรงขึ้น
  • ผู้ที่มีภาวะทางกาย เช่น โรคเรื้อรัง หรือภาวะทุพโภชนาการ โรคจิตเวชบางประเภท เช่น โรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน
  • บุคคลที่ขาดการสนับสนุนทางสังคมและครอบครัว ความสัมพันธ์ที่บกพร่อง ผู้ป่วยอาจมีปัญหาในการสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น ทำให้เกิดความขัดแย้งในครอบครัวและสังคม

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาการของโรคอาจกำเริบและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆการตรวจวินิจฉัย

4. การรักษา

การรักษาโรคทางจิตเวชสามารถแบ่งออกเป็นหลายวิธี ขึ้นอยู่กับประเภทและระดับความรุนแรงของโรค ได้ดังนี้

4.1 การใช้ยา

  • ยาต้านเศร้า (Antidepressants): ใช้รักษาโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล โดยช่วยปรับสมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine)
  • ยารักษาโรคจิต (Antipsychotics): ใช้ในผู้ป่วยโรคจิตเภทหรือไบโพลาร์ที่มีอาการทางจิต เช่น ประสาทหลอนหรือหลงผิด
  • ยาคลายกังวล (Anxiolytics): ใช้บรรเทาอาการวิตกกังวล และช่วยให้นอนหลับ แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวังเนื่องจากอาจทำให้เกิดการพึ่งพายา
  • ยาควบคุมอารมณ์ (Mood Stabilizers): ใช้รักษาโรคไบโพลาร์ เพื่อป้องกันอารมณ์แปรปรวนทั้งภาวะซึมเศร้าและแมเนีย

4.2 จิตบำบัด (Psychotherapy)

  • การบำบัดพฤติกรรมทางปัญญา (Cognitive Behavioral Therapy, CBT): ช่วยให้ผู้ป่วยเปลี่ยนแปลงความคิดและพฤติกรรมที่เป็นปัญหา
  • การบำบัดแบบสนับสนุน (Supportive Therapy): ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเครียดและสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน
  • อื่นๆ เช่น จิตพลวัตหรือจิตวิเคราะห์,EMDRการบำบัดรักษาบาดแผลทางใจ ใช้ในการทำความเข้าใจปมปัญหาภายในจิตใจที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และพฤติกรรม ตัวอย่าง PTSD,TRAUMA เป็นต้น

4.3 การรักษาอื่น ๆ

  • ดนตรีบำบัด Music therapy
  • การกระตุ้นสมองด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า (Transcranial Magnetic Stimulation, TMS): ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคทางจิตเวชที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบดั้งเดิม

5. การป้องกันโรคทางจิตเวช

การป้องกันโรคทางจิตเวชสามารถทำได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค เช่น

  • การดูแลสุขภาพจิต ฝึกฝนการควบคุมอารมณ์และการจัดการความเครียด ฝึกหายใจลึก ๆ หรือทำสมาธิเพื่อลดความวิตกกังวล หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดและแอลกอฮอล์ พูดคุยและเปิดใจกับคนที่ไว้ใจได้เกี่ยวกับปัญหาหรือความเครียดที่เผชิญ
  • การดูแลสุขภาพกาย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน วิ่ง โยคะ หรือว่ายน้ำ ,รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ และโปรตีนที่มีคุณภาพ นอนหลับให้เพียงพอวันละ 6-8 ชั่วโมง
  • การเสริมสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อม ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนฝูงที่ให้การสนับสนุน มีงานอดิเรกหรือกิจกรรมที่สร้างความผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดความเครียดสูง

6. การฟื้นฟูสุขภาพจิต Rehabilitation

การฟื้นฟูสุขภาพจิตเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหลังจากการรักษา โดยรวมถึง การฟื้นฟูทางร่างกายด้วยการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายและลดความเครียด ,ปรับเปลี่ยนโภชนาการให้เหมาะสมกับสุขภาพจิต,การฟื้นฟูทางจิตใจ โดยการเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือการให้คำปรึกษาจากนักจิตวิทยา ฝึกฝนทักษะในการรับมือกับความเครียด หรือการฟื้นฟูทางสังคม คือ การกลับไปทำงานหรือเรียนหนังสือตามปกติ ,การเข้าร่วมกิจกรรมสังคมเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และการเข้าร่วมกิจกรรมดนตรีบำบัดหรือกิจกรรมศิลปะบำบัดเพื่อเสริมสร้างความสุข

7. Technology (Equipment/Investigate) เทคโนโลยีทางการแพทย์ (เครื่องมือ การวินิจฉัย)

การรักษาโรคทางจิตเวชในปัจจุบันไม่ได้อาศัยเพียงแค่ยาและจิตบำบัด แต่มีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา การกระตุ้นสมองด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ใช้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อยาหรือการบำบัดแบบดั้งเดิม

  • TMS (Transcranial Magnetic Stimulation) — การกระตุ้นสมองด้วยสนามแม่เหล็ก ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากระตุ้นบริเวณสมองที่เกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้าหรือโรคทางจิตเวชที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบดั้งเดิม
  • การบำบัดด้วยออกซิเจนแรงดันสูง(HBOT)กับโรคทางจิตเวช—ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และเนื่องจากการทำงานของเซลล์ประสาทขึ้นอยู่กับระดับออกซิเจนในสมอง การบำบัดด้วยออกซิเจนแรงดันสูงจึงถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการรักษาโรคทางจิต ออกซิเจนที่เพิ่มขึ้นในเลือดช่วยปกป้องและฟื้นฟูเซลล์ประสาทที่ได้รับผลกระทบจากระดับคอร์ติซอล และช่วยปรับสมดุลกิจกรรมของคลื่นสมอง ทำให้สารเคมีในสมองสมดุล
  • ปัญหาด้านสมาธิ และความจำ สภาวะบกพร่องด้านเชาวน์ปัญญา
  • โรคเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร
  • ความผิดปกติทางสุขภาพจิต
  • ความถนัดในเด็ก และรูปแบบการเรียนรู้
  • การพัฒนาการและพฤติกรรมในเด็ก/ภาวะออทิสซึม
  • บริการให้คำปรึกษาบำบัดรักษา ปัญหาด้านความจำ
  • ปัญหาในการนอน นอนไม่หลับ
  • โรคซึมเศร้า
  • ปัญหาด้านความวิตกกังวล
  • โรคเครียด โรควิตกกังวล
  • โรคซึมเศร้า โรคอารมณ์แปรปรวนและปัญหาทางอารมณ์
  • โรคทางความคิด
  • โรคประสาท กลุ่มอาการย้ำคิดย้ำทำ
  • โรคทางกายมีสาเหตุจากปัญหาทางจิตใจ
  • อาการนอนไม่หลับ
  • ปวดศีรษะ โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
  • ปัญหาในการปรับตัว ปัญหาด้านบุคลิกภาพ
  • ปัญหาการใช้สารเสพติด
  • ปัญหาครอบครัว
  • ปัญหาพฤติกรรมปัญหาเรื่องเพศ
  • ปัญหาสมรรถภาพทางเพศที่ไม่ได้เกิดจากสาเหตุทางด้านร่างกาย
  • ความสามารถด้านเชาวน์ปัญญา กระบวนการคิด ความจำ และการเรียนรู้
  • การประเมิน EQ ความสามารถของบุคคลเชิงระบบประสาทจิตวิทยา
  • การทดสอบบุคลิกภาพ ความฉลาดทางอารมณ์
  • การทดสอบทางจิตวิทยา สุขภาพจิต และบุคลิกภาพพื้นฐาน
  • บุคลิกภาพและรูปแบบการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงาน

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

นพ. ธีรเจต ลีลาพากเพียร
จิตเวชศาสตร์
นพ. ภัทร พณนันท์
จิตเวชศาสตร์
นพ. สมชาย มาลสุขุม
จิตเวชศาสตร์
นพ. อานุภาพ ปภาพันธุ์
จิตเวชศาสตร์
พญ. กษิรมาต มูลคำ
จิตเวชศาสตร์
พญ. วรงค์ สิทธิศรัณย์กุล
จิตเวชศาสตร์
พญ. สุขสม โสภณอุดมทรัพย์
จิตเวชศาสตร์
พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์
จิตเวชศาสตร์

แก้ไขสายตาด้วยเลสิกและซุปเปอร์ไซต์

ศูนย์แก้ไขสายตาด้วยเลสิกและซุปเปอร์ไซต์

อาคาร B ชั้น 2

ศูนย์เลสิก : วันจันทร์ - ศุกร์ 09:00 - 18:00 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์ 08:00 - 17:00 น.
ศูนย์ซุปเปอร์ไซต์ : วันจันทร์ – ศุกร์ 08:00 - 16:00 น.
วันอาทิตย์ 08:00 – 12:00 น.

โทรศัพท์ +66 3825 9986
โทรศัพท์สายตรง ศูนย์เลสิก <a href="tel:+66 3825 9939+66 3825 9939
โทรศัพท์สายตรง ศูนย์ซุปเปอร์ไซต์ <a href="tel:+66 3825 9937+66 3825 9937

ศูนย์เลสิกและซุปเปอร์ไซต์ เชี่ยวชาญการรักษาสายตาผิดปกติและต้อกระจก เราทำให้การผ่าตัดรักษาสายตาเป็นสิ่งที่ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยทุกคน และได้ผลอย่างแม่นยำ สิ่งนี้ผ่านการพิสูจน์แล้วโดยผู้ป่วยจากทั้งในประเทศไทย และนานาประเทศทั่วโลกกว่า 10,000 ราย มากว่า 18 ปี 

ปัจจุบันเรามีทางเลือกที่ดีขึ้นโดยใช้ Femtosecond Laser แยกชั้นกระจกตาแทน จึงเป็นที่มาของเลสิกไร้ใบมีด เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย และเพิ่มความแม่นยำของการรักษา สำหรับผู้มีปัญหาสายตาผิดปกติ สั้น ยาว เอียง
ขั้นตอนการทำเลสิคมี 2 ขั้นตอนหลักๆ เริ่มจากการแยกชั้นกระจกตาโดยใช้ Femtosecond Laser เปิดขึ้นเป็นฝาบาง ๆ โดยเหลือขั้วไว้ด้านหนึ่ง แล้วจึงใช้ Excimer Laser ปรับความโค้งกระจกตาเพื่อแก้ไขค่าสายตาที่ผิดปกติ

  1. มีความปลอดภัยสูง ไม่พบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับการแยกชั้นกระจกตาโดยใช้ใบมีด
  2. สามารถกำหนดความกว้างของชั้นกระจกตาได้อย่างแม่นยำเพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
  3. แยกชั้นกระจกตาได้เรียบสม่ำเสมอ แผลหายเร็วจึงกลับมาใช้สายตาได้เร็ว
  4. ใช้เวลาสั้นในการรักษา และการพักฟื้น

ผู้ที่เหมาะสมในการรักษาด้วยศัลยกรรมซุปเปอร์ไซต์เทคโนโลยีในการผ่าตัดแก้ไขสายตายาวตามวัยด้วยการเปลี่ยนเลนส์ ที่จะช่วยให้คนไข้สามารถที่จะปฎิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันปกติโดยไม่ต้องใช้แว่นสายตา

  1. ผู้ที่มีสายตายาวสูงอายุ และไม่ต้องการใช้แว่นอ่านหนังสือ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
  2. ผู้ที่สายตาผิดปกติมากๆอยู่ก่อน และพบว่าตัวเองมีสายตายาวสูงอายุเข้ามาเป็นปัญหาร่วมด้วย
  3. ผู้ที่เริ่มมีต้อกระจกแล้ว
  1. รักษาสายตาผิดปกติ ทั้งการมองเห็นระยะใกล้ และระยะไกล
  2. ให้ผลการรักษาที่คงที่
  3. การมองเห็นทั้ง 2 ตาใกล้เคียงหรือเหมือนกันตามธรรมชาติ(ไม่ใช่ ตาหนึ่งใช้มองไกล อีกตาใช้มองใกล้)
  4. รักษาต้อกระจกได้ในคราวเดียวกัน หรือป้องกันไม่ให้เป็นต้อกระจก

โรค
และการรักษา

ความประทับใจจากผู้ป่วย

การเตรียมตัวก่อนทำเลสิก

ศูนย์เลสิกโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา รักษาสายตาสั้น ยาว เอียง ด้วยเทคโนโลยีใหม่แบบไร้ใบมีด

ขั้นตอนการทำเลสิก ศูนย์เลสิก โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา

การอธิบายขั้นตอนการทำเลสิกโดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า FEMTO LASIK ซึ่งเป็นการรักษาปัญหาสายตาโดยใช้เลเซอร์ทุกขั้นตอน

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

พญ. รสพร อัศววรฤทธิ์
จักษุวิทยา
พญ. เพชรลดา ภิญโญเศรษฐ์
จักษุวิทยา

อายุรกรรม

ศูนย์อายุรกรรม

อาคาร E ชั้น 3

วันจันทร์ – อาทิตย์
07:00 – 20:00 น.

ศูนย์อายุรกรรมให้ความห่วงใยกับคนไข้ทุกรายอย่างดี ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ประกอบกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครบทุกสาขาวินิจฉัยรักษาโรคได้อย่างแม่นยำ ดูแลรักษาปัญหาสุขภาพของผู้ป่วย ตั้งแต่ภาวะเจ็บป่วยเฉียบพลัน จนถึงเจ็บป่วยเรื้อรังทั้งทางด้านอายุรกรรมทั่วไป และเฉพาะทางอย่างครบวงจรโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งทางด้าน โรคเลือด,โรคติดเชื้อ,โรคปอด, โรคระบบทางเดินหายใจ, โรคไต, โรคข้อและรูมาติซั่ม เป็นต้น

อายุรกรรม” (Internal Medicine) หมายถึง การรักษาโรคด้วยยา ปัจจุบันใช้คำว่า “อายุรศาสตร์” ศูนย์อายุรกรรมโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาเป็นศูนย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแล และรักษาผู้ป่วยทางด้านอายุรกรรม  โดยมีอายุรแพทย์ครบทุกสาขา ทำหน้าที่เป็นแพทย์ประจำตัว และเป็นที่ปรึกษาทางด้านสุขภาพให้กับผู้ป่วย ผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของอายุรแพทย์ ซึ่งมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการตรวจรักษาโรคต่างๆ ได้แก่ โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, โรคไขมันในเลือดสูง, โรคไต, โรคปอด โรคติดเชื้อ โรคข้อและรูมาติซั่ม โรคเลือด และโรคอายุรกรรมทั่วไป ซึ่งอายุรแพทย์ของโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาจะสามารถให้การวินิจฉัยผู้ป่วยที่มาด้วยอาการต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ และสามารถส่งปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาลมีทีมแพทย์สหสาขาได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยร่วมกัน ในกรณีที่ผู้ป่วยมีหลายโรคร่วม โดยเฉพาะผู้ที่เป็นผู้ป่วยคนเดียวแต่มีปัญหาหลายระบบสุขภาพในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่ต้องการ การดูแลเป็นพิเศษ ตั้งแต่การวินิจฉัยโรค การรักษาโรค การดูแลขณะให้การรักษาโรค การป้องกันโรค และการดูแลส่งเสริมสุขภาพหลังจำหน่ายผู้ป่วยกลับบ้าน

  • ARI Clinic ดูแลผู้ป่วยกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ แบบ One Stop Service ตั้งแต่พบแพทย์ จนถึงรับยากลับบ้าน
    One Stop Service คือ การดูแลคนไข้ตั้งแต่ลงทะเบียน ประเมินอาการ รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ และรับยากลับบ้าน
  • ตรวจเลือดด้วยเครื่อง Point Of Care Testing
    Point of care testing (POCT) เป็นการนำเครื่องตรวจวิเคราะห์ระดับน้ำตาลปลายนิ้ว และระดับน้ำตาลปลายนิ้วสะสม อย่างง่ายไว้ภายในพื้นที่แผนกอายุรกรรม นับว่ามีประโยชน์มากในการวินิจฉัยและให้การรักษาผู้ป่วยในเบื้องต้น
  • ห้อง Isolation   
    เป็นห้องแยกโรคเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อทางอากาศ เป็นห้องที่มีความดันของอากาศภายในห้องต่ำกว่าความดันของอากาศห้องโดยรอบ (Negative pressure) ตามมาตรฐานกำหนดให้ความดันไม่น้อยกว่า 2.5 Pascal โดยวิธีการดึงอากาศซึ่งมีโอกาสปนเปื้อนเช้ือโรคภายในห้องไปผ่านกระบวนการกรองดักกำจัดเชื้อโรคก่อนปล่อยระบายทิ้ง และป้องกันเชื้อโรคออกจากห้องไปสู่ภายนอกห้อง
  • Spirometer: เครื่องตรวจสมรรถภาพของปอดชนิดเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
    เครื่องตรวจสมรรถภาพปอด (Pulmonary Function Tests) เป็นการตรวจที่สำคัญและมีประโยชน์อย่างยิ่งในกระบวนการวินิจฉัย, ประเมินและติดตามผลการรักษาโรคระบบการหายใจเช่น โรคหืด, โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง, โรคปอดจากการทำงาน เป็นต้น นอกจากนี้การตรวจสมรรถภาพปอด ยังสามารถบ่งถึงการเสื่อมของการทำงานของปอดก่อนที่อาการแสดงทางคลินิกจะเริ่มปรากฏ 
  • บริการดูแลผู้ป่วยผ่าน Telemedicine consultant : สะดวกสบายพบหมอได้ง่าย โดยไม่ต้องมารพ. นัดหมายคุยกับแพทย์ และรอรับยาที่บ้าน

โรคทางอายุรกรรมทั่วไป
ตรวจรักษาโรคทางอายุรกรรมทั่วไป เพื่อส่งตรวจวิเคราะห์ ให้การวินิจฉัยในเบื้องต้น และสามารถส่งปรึกษาทีมแพทย์สหสาขาอื่นได้ตลอด 24 ชม.

โรคไต
ตรวจรักษาโรคไตโดยอายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคไต ตรวจหาความผิดปกติของไต เช่น อัลตราซาวด์ การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการต่างๆ รวมถึงการส่งตรวจชิ้นเนื้อไต (Kidney biopsy) เพื่อมาตรวจวิเคราะห์ โดยสามารถตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคไตได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น ไปจนถึงมีแผนกไตเทียมที่ให้บริการล้างไตในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง หรือภาวะวิกฤตที่มีปัญหาไตวาย ตลอด 24 ชั่วโมง

โรคปอดและโรคระบบทางเดินหายใจ
ตรวจรักษาโรคปอดและความผิดปกติของการทำงานของปอดโดยอายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอด โดยสามารถตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคมะเร็งปอดได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น ไปจนถึงการรักษาโรคมะเร็งปอดในระยะสุดท้าย อีกทั้งมีคลินิกให้คำปรึกษา และรักษาสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่อย่างจริงจัง

โรคติดเชื้อ
ตรวจรักษาโรคติดเชื้อทุกชนิด ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโรคติดเชื้อ ซึ่งสามารถให้การวินิจฉัยและรักษาได้อย่างรวดเร็ว มียาปฏิชีวะนะที่คลอบคลุมหลากหลายชนิด ตัวอย่างโรคติดเชื้อ เช่น โรคติดต่อทางแพทย์สัมพันธ์ รวมถึงโรคติดเชื้อไม่ทราบสาเหตุ

โรคเลือด
ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคทางโลหิตวิทยา การดูแลผู้ป่วยมะเร็งทางโลหิตวิทยา และการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง รักษาโรคเกี่ยวกับเม็ดเลือดแดงทุกชนิดทั้งโรคทั่วไปและโรคทางโลหิต เช่น โรคลิวคีเมีย โรคธาลัสซีเมีย เป็นต้น การตรวจทางกล้องจุลทรรศน์ เพื่อวินิจฉัยโรคมาลาเรีย ตรวจวิเคราะห์เซลล์ผิดปกติจากน้ำในส่วนต่างๆของร่างกาย (Body Fluid) ตรวจวิเคราะห์การแข็งตัวของเลือด (Coagulation Test) เพื่อวินิจฉัยปัญหาเลือดออกผิดปกติ การเจาะไขกระดูก( Bone marrow aspiration and biopsy )เพื่อตรวจหาความผิดปกติของไขกระดูก ซึ่งนำไปใช้ในการวินิจฉัยโรคทางโลหิตวิทยา นอกเหนือจากการตรวจเลือดและการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ

โรคข้อและรูมาติซั่ม
ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไขข้อ หรือโรคที่เรียกว่าโรคข้อ ซึ่งส่วนใหญ่มีความผิดปกติเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของระบบกล้ามเนื้อ , เนื้อเยื่ออ่อน , โรคข้ออักเสบ , โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis) ,Autoimmune โรคความผิดปกติที่มีผลต่ออาการปวดข้อต่อและกระดูกพรุน มีมากกว่า 200 ชนิดของโรคเหล่านี้รวมไปถึงโรคไขข้ออักเสบ , โรคข้อเข่าเสื่อม , โรคเกาต์ , โรคลูปัส , ปวดหลัง, โรคกระดูกพรุนและtendinitis โรคบางชนิดเป็นโรคร้ายแรงที่วินิจฉัยและรักษาได้ยาก เช่นปัญหาเนื้อเยื่ออ่อนที่เกี่ยวข้องกับกีฬาระบบกล้ามเนื้อและโครงกระดูกที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของเนื้อเยื่ออ่อน เป็นต้น

โรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยา
ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคภูมิแพ้และอิมมูโนโลวิทยา ให้การวินิจฉัยโดยการตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย มีมาตรฐานระดับสากล ได้แก่

  1. ทดสอบการแพ้สารก่อภูมิแพ้ทางอากาศในกลุ่มโรค Chronic Rhinitis, Asthma (จมูกอักเสบ, หอบหืด)
  2. Allergen immunotherapy การไห้วัคซีนภูมิแพ้ เพื่อทนต่อสารที่แพ้
  3. ทดสอบการแพ้อาหาร
  4. ทดสอบการแพ้ยา หรือการให้ยาที่สงสัยว่าจะแพ้
  5. กลุ่มลมพิษ (Urticaria)
  6. อาการแพ้รุนแรง(Anaphylaxis)
  7. กลุ่มแพ้แมลง (Insect Allergy)
  8. โรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (Atopic Dermatitis)

และให้การรักษา การให้ยาโดยวิธีต่างๆ เช่น การพ่นยา การใช้ยาพ่นต่อเนื่อง การให้อิมมูโนโกลบูลินเข้าหลอดเลือดดำ การให้วัคซีนภูมิแพ้ มีการปรึกษาสาขาวิชาอื่นตามความจำเป็น และมีการวางแผนการรักษาขณะอยู่ใน รพ. และต่อเนื่องเมื่อกลับบ้าน มีการแนะนำการใช้ยาต่างๆ ในภาวะฉุกเฉิน เช่น การฉีดอะดรีนาลินในผู้ป่วยที่แพ้รุนแรง การพ่นยาชนิดต่างๆ ในผู้ป่วยโรคหอบหืด รวมทั้งการดูแลตนเองก่อนมาพบแพทย์

โรค
และการรักษา

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

นพ. ชัยณรงค์ ติยาเดชาชัย
อายุรศาสตร์
นพ. ณฐพล วุฒิเทพบัญชา
อายุรศาสตร์
นพ. ประสิทธิ์ วงษ์จารุพงษ์
อายุรศาสตร์
นพ. พงศ์อินทร์ สาริกะภูติ
อายุรศาสตร์โรคเลือด
อายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา
นพ. พรพงษ์ ลักษมีสถาพร
อายุรศาสตร์
นพ. มนตรี วิศวกรวิศิษฎ์
อายุรศาสตร์
นพ. รณกฤต ทัฬหกุล
อายุรศาสตร์
นพ. วันรัฐ ศรีสิทธิมงคล
อายุรศาสตร์
นพ. ศราวุธ พานิชาภรณ์
อายุรศาสตร์
นพ. สรรพวีร์ ประสิทธิรัตน์
เวชศาสตร์ครอบครัว
อายุรศาสตร์

แพ็กเกจและโปรโมชั่น

หออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต

หออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต

อาคาร A ชั้น 2
อาคาร E ชั้น 6

09.00 – 15.00 น.

หอผู้ป่วยที่ให้การดูแลผู้ป่วยวิกฤต ทั้งอายุรกรรม และศัลยกรรม ซึ่งกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้ที่ให้บริการผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤตทางระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่เข้ารับบริการเป็นผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบ

ทางเดินหายใจล้มเหลว ผู้ป่วยอัมพฤกษ์เฉียบพลัน ผู้ป่วยอุบัติเหตุที่มีการบาดเจ็บหลายระบบร่วมกัน และผู้ป่วยอุบัติเหตุและมีเลือดคั่งในสมอง เป็นต้นโดยมีอุปกรณ์การแพทย์ที่รองรับและพร้อมรักษาได้อย่างทันท่วงที

หอบำบัดผู้ป่วยวิกฤตนี้ให้การดูแลผู้ป่วยด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นหลัก มุ่งเน้นให้ผู้ป่วยหายจากสภาวะโรค ทุเลาจากการเจ็บป่วย หรือหลงเหลือความพิการน้อยที่สุด

หอบำบัดผู้ป่วยวิกฤตสามารถรองรับผู้ป่วยวิกฤตได้จำนวน 15 เตียง

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

นพ. ณัฐศักดิ์ วรเจริญศรี
อายุรศาสตร์
นพ. ภูรีพัทธ์ อรรถเวชกุล
อายุรศาสตร์
พญ. ฐิติพร นภาประสิทธิ์
อายุรศาสตร์
พญ. ธันยา ธัญลักษณ์มะระ
อายุรศาสตร์

ห้องผ่าตัดไฮบริด

ห้องผ่าตัดไฮบริด   (Hybrid OR)

พัฒนาการก้าวใหม่ของเทคโนโลยีทางการแพทย์ด้านการรักษา โดยใช้เทคโนโลยีการฉายภาพทางรังสีชั้นสูง ติดตั้งในห้องผ่าตัดเพื่อเพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถในด้านการผ่าตัดรองรับผู้ป่วยที่เข้ามารับการผ่าตัดรักษา โรคซับซ้อน เพื่อให้การทำหัตถการรังสีวินัจฉัยร่วมกับการทำผ่าตัด หรือหัตถการรังสีเพื่อการรักษา สามารถทำได้ในขั้นตอนเดียว ในพื้นที่ห้องผ่าตัดที่มีความพร้อมในการดูแลผู้ป่วย ได้อย่างปลอดภัย 

  • ออกแบบให้มีพื้นที่ใหญ่เป็นพิเศษ เพื่อการทำงานร่วมกันของสหสาขาวิชาชีพอย่างเป็นระบบเช่น ศัลยแพทย์ รังสีแพทย์ อายุรแพทย์หัวใจ วิสัญญีแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่รังสีเทคนิค
  • ครบครับเครื่องมือผ่าตัดที่ทันสมัย เครื่องถ่ายภาพเอกซเรย์หลอดเลือด ให้ภาพคมชัดสามารถบอกขนาดและตำแหน่งของหลอดเลือดรวมทั้งพยาธิสภาพ เพื่อช่วยให้การผ่าตัดแม่นยำยิ่งขึ้น โดยเตียงผ่าตัดในห้องออกแบบให้รังสีทะลุผ่านได้ทุกทิศทางของผู้ป่วยและปรับ ได้หลายระดับ สามารถเคลื่อนที่สอดคล้องกับเครื่องถ่ายภาพเอกซเรย์ได้โดยอัตโนมัติ
  • พร้อมด้วยชุดอุปกรณ์ดมยา สลบ หัวจ่ายแก๊สทางการแพทย์ และเต้ารับปลั๊กเสียบไฟฟ้า และชุดชั้นวางเครื่องมือแพทย์ชนิดแขวนเพดาน มีโคมไฟส่องผ่าตัด รวมถึงการติดตั้งกระจกตะกั่วสำหรับการมองเห็นระหว่างห้องควบคุมและห้องปฎิบัติการ
  • ระบบการไหลเวียนอากาศภายในห้องสามารถลดภาวะปนเปื้อนของละอองสิ่งสกปรกต่างๆ ในอากาศทำให้ลดการติดเชื้อลง ตลอดจนผนังของห้องผ่าตัดสร้างด้วยวัสดุที่ป้องกันรังสี มีความแข็งแรง และพื้นผิวที่มีคุณลักษณะลดการเกาะติดของเชื้อโรค เพื่อเสริมความปลอดภัยให้แก่ผู้ป่วยและบุคลากรที่อยู่ภายในและนอกห้องผ่าตัด
  1. ช่วยให้กระบวนการในการวินิจฉัยและรักษาเกิดขึ้นได้ในครั้งเดียวกัน (one visit) ซึ่งจะลดเวลาในการดูแลรักษา ผู้ป่วย และผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวและกลับไปดำรงชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น ทำให้ระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลและหอผู้ป่วยวิกฤติสั้นลง รวมทั้งลดการเสียเลือดซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น
  2. เหมาะกับผู้ป่วยที่มีภาวะโรคที่ซับซ้อนและผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงสูงซึ่งไม่เหมาะกับการผ่าตัดแบบดั้งเดิม ภายใต้การรักษาและทำหัตถการได้พร้อมๆกันของทีมสหสาขา
  3. เป็นการทำหัตถการเท่าที่จำเป็น แผลผ่าตัดเล็ก การทำหัตถการที่ใช้สายสวนทางหลอดเลือด ร่วมกับการทำผ่าตัดโดยวิธีทั่วไป การทำหัตถการด้วยการใช้สายสวนหลอดเลือดผ่านผิวหนัง เช่น การทำบอลลูนหัวใจร่วมกับการผ่าตัดทั่วไป
  • การผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ
  • การผ่าตัดผู้ป่วยในระบบหัวใจหลอดเลือดและทรวงอก
  • การตรวจวินิจฉัยและการผ่าตัดโรคที่เกี่ยวกับระบบหลอดเลือด
  • การตรวจวินิจฉัยและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวชวิทยาและระบบทางเดินปัสสาวะ
  • การตรวจวินิจฉัย การผ่าตัดและการทำหัตถการด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่มีวิทยาการก้าวหน้าโดยทีมแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

หัวใจ

ศูนย์หัวใจ

อาคาร E ชั้น 4

วันจันทร์ - อาทิตย์
08:00 - 17:00 น.

ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา รองรับและให้บริการดูแลกลุ่มผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดทุกสิทธิ์การรักษาอย่างครอบคลุมและครบวงจร ตั้งแต่การป้องกัน การตรวจวินิจฉัยในระยะเริ่มต้นด้วยเทคโนโลยีทันสมัย การรักษาภาวะอาการตั้งแต่อาการทั่วไปถึงอาการรุนแรงหรือมีความซับซ้อน การรักษาด้วยเทคโนโลยีในห้องปฏิบัติการสวนหัวใจและหลอดเลือด การผ่าตัด การดูแลฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจและการส่งเสริมการดูแลเชิงป้องกัน ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางสหสาขาวิชาชีพ ที่พร้อมดูแลทุกสถานการณ์ที่เกี่ยวกับภาวะหัวใจและหลอดเลือดด้วยมาตรฐานสากล ตลอด 24 ชั่วโมง 

ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา มีการให้บริการที่ครบวงจร ดังนี้

  • การตรวจวินิจฉัยทางหัวใจ และตรวจคัดกรองโรคหัวใจตามความเสี่ยงเฉพาะรายบุคคล
  • การติดตามการทำงานของหัวใจ ด้วยอุปกรณ์พิเศษภายนอกร่างกาย Non-invasive
  • การตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง
  • การตรวจหัวใจด้วยภาพคลื่นสะท้อนในสนามแม่เหล็ก
  • การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
  • การตรวจสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ
  • การตรวจและรักษาในห้องปฏิบัติการสวนหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ
  • การรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือด
  • การดูแลผู้ป่วยวิกฤตในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตโรคหัวใจ  (CCU)
  • การดูแลผู้ป่วยในหอพักผู้ป่วยโรคหัวใจ
  • การฟื้นฟูหัวใจในศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ

CARDIAC CARE UNIT (CCU)

เป็นหออภิบาลที่ให้การดูแลผู้ป่วยในภาวะวิกฤตทั้งอายุรกรรมและศัลยกรรม ได้แก่ ผู้ป่วยที่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ผู้ป่วยที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ด้านศัลยกรรม ได้แก่ ผู้ป่วยหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยหลังผ่าตัดเปลี่ยนหรือซ่อมลิ้นหัวใจ ผู้ป่วยหลังผ่าตัดหลอดเลือดแดงใหญ่ เป็นต้น และผู้ป่วยหลังทำหัตถการจากห้องสวนหัวใจ เช่น การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยขดลวดหรือบอลลูน การใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ การจี้ไฟฟ้าหัวใจ เป็นต้น ซึ่งผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลจากทีมแพทย์และพยาบาลวิชาชีพที่มีความรู้และประสบการณ์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างใกล้ชิด อีกทั้งการดูแลผู้ป่วยให้เกิดความสุขสบาย ลดความทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดให้มากที่สุด โดยมีการใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยในการดูแลรักษา ติดตามอาการอย่างมีประสิทธิภาพ และให้การช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยมีแพทย์และพยาบาลเฉพาะทาง ให้การดูแลผู้ป่วยประจำตลอด 24 ชั่วโมง

CARDIOVASCULAR WARD

หอผู้ป่วยในโรคหัวใจและหลอดเลือด ตั้งอยู่ที่อาคาร E ชั้น 8 เป็นหอพักฟื้นผู้ป่วยทั้งด้านอายุรกรรมและศัลยกรรมที่ดูแลต่อเนื่องจากหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตโรคหัวใจและหลอดเลือด (CCU) ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอำนวยความสะดวกสบายให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ที่บ้าน ผู้ป่วยและญาติจะได้รับการดูแลการพักผ่อนนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวจากความเจ็บป่วยโดยเร็ว ซึ่งลักษณะเป็นห้องเดี่ยว ภายในห้องมีขนาดใหญ่ แบ่งเป็นส่วนของผู้ป่วยและส่วนของญาติ ที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และมีอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์เฉพาะ สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น เครื่องติดตามสัญญาณคลื่นไฟฟ้าหัวใจชนิดไร้สาย (EKG Telemetry), เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ (Defibrillator) เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เป็นต้น ทั้งนี้หอผู้ป่วยยังเป็นสถานที่สำหรับฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ โดยประสานการทำงานร่วมกันระหว่างทีมสหสาขาวิชาชีพ ได้แก่ นักกายภาพบำบัด นักกำหนดอาหาร และเภสัชกร เพื่อร่วมกันวางแผนกับญาติในการดูแลผู้ป่วยต่อเนื่องที่บ้าน ตลอดจนการกลับมารักษาติดตามอาการเป็นผู้ป่วยนอก

ทีมแพทย์เวชศาสตร์ศฟื้นฟูและทีมนักกายภาพบำบัด ที่มีประสบการณ์และความชำนาญในการดูแลพร้อมเครื่องมือที่ทันสมัยได้มาตรฐาน โดยให้บริการดังนี้

  • การฟื้นฟูสมรรถภาพโดยโปรแกรมการออกกำลังกายเฉพาะโรคหัวใจ 
  • การให้คำแนะนำสำหรับการดูแลตนเอง,กิจกรรมที่สามารถทำได้,การเตรียมตัวกลับไปทำงาน 
  • โปรแกรมการออกกำลังกายที่บ้าน Home based program
  • การทดสอบสมรรถภาพทางกายด้วยการเดินให้ได้ระยะทางมากที่สุดในเวลา 6 นาที (6 Minute Walk Test; 6MWT)
  • แบบสอบถามคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ (Quality of life Assessment)

อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของศูนย์การดูแลผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Acute Coronary Syndromes) เป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูง (Center of excellence) ที่ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานการดูแลรักษาพยาบาลรายโรคในระดับมาตรฐานสากล CCPC (Clinical care program certificates for Acute coronary syndrome) 

โรค
และการรักษา

ความประทับใจจากผู้ป่วย

Play Video

Testimonial : การจี้ไฟฟ้าหัวใจ..เพื่อรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

คนไข้ประสบกับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะมาเป็นเวลาหลายปี และได้รักษาด้วยการจี้ไฟฟ้าหัวใจมาแล้วถึง 2 ครั้งที่รพ.อื่น แต่อาการก็กลับเป็นขึ้นมาอีก จนต้องมาจี้ไฟฟ้าหัวใจเป็นครั้งที่ 3

Play Video

Testimonial : ภาวะปอดรั่ว รักษาด้วยการผ่าตัดแผลเล็ก

คนไข้มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจลำบากขึ้นมาโดยฉับพลัน และไม่ทราบสาเหตุ หลังจากพบแพทย์ถึงรู้ว่าตนเองมีภาวะปอดรั่วและอาการไม่ดีขึ้น หมอจึงแนะนำให้ทำการผ่าตัดแผลเล็กเพื่อเย็บรอยรั่วที่ปอด

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

นพ. กฤษฎา มีมุข
อายุรศาสตร์
นพ. กษิศักย์ เหลืองปฐมอร่าม
ศัลยศาสตร์ทรวงอก
นพ. กิตติ ฏิระวณิชย์กุล
เวชศาสตร์ครอบครัว
อายุรศาสตร์
นพ. กิตติ นาคจันทึก
อายุรศาสตร์
นพ. จิรพันธ์ ชวาลตันพิพัทธ์
อายุรศาสตร์
นพ. ชยุต ทัตตากร
อายุรศาสตร์
นพ. ชลัช นีรพัฒนกุล
อายุรศาสตร์
นพ. ทินกฤต ศศิประภา
อายุรศาสตร์
นพ. ธนัตถ์ อัศวิษณุ
อายุรศาสตร์
นพ. ธีร์ทัศน์ ชมบัณฑิตย์
อายุรศาสตร์

โรคไต และ ไตเทียม

ศูนย์โรคไต และ ไตเทียม

อาคาร C ชั้น 3

วันจันทร์ - อาทิตย์ 07.00 - 17.00 น. ในวันที่มี 2 รอบ
และ 07.00 - 20.00 น. ในวันที่มี 3 รอบ

ให้บริการรักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรังและผู้ป่วยไตวายเฉียบพลัน โดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะวิกฤต โดยคำนึงถึงคุณภาพและความปลอดภัย ปราศจากภาวะแทรกซ้อนในระหว่างการดูแลรักษา ด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เพื่อความพึงพอใจของผู้ป่วยและญาติ โดยการดูแลของทีมแพทย์ร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพ

  • การฟอกเลือดเครื่องไตเทียมแบบธรรมดา (Conventional Intermittent Hemodialysis)
  • การฟอกเลือดเครื่องไตเทียมแบบประสิทธิภาพสูง (On-line Hemodiafiltration)
  • การฟอกเลือดเป็นช่วงแบบยืดระยะเวลา (Sustained Low Efficiency Hemodialysis, SLED )
  • การฟอกเลือดชนิดต่อเนื่อง (Continuous Renal Replacement Therapy , CRRT)
  • การกรองพลาสมา (Plasmaperesis)
  • การผ่าตัดเตรียมเส้นสำหรับฟอกเลือด โดยศัลยแพทย์ชำนาญการด้านหลอดเลือดสำหรับฟอกไต ทั้งแบบชั่วคราวและถาวร
  • สถานที่และเครื่องมือทางการแพทย์
    • ห้องเดี่ยว สำหรับฟอกเลือด 12 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
    • ขนาดพื้นที่ห้องที่กว้างขวาง
    • เตียงไฟฟ้า ผู้ป่วยสามารถปรับขึ้น-ลงได้
    • ทีวี ที่มีบริการหลายภาษา
    • โซฟาขนาดใหญ่และพื้นที่ ให้ญาติที่มาเฝ้าขณะฟอกเลือดภายในห้องฟอกเลือด
    • ปุ่มกดเรียกพยาบาลกรณีฉุกเฉิน ภายในห้องฟอกเลือด
    • ห้องรับรองสำหรับผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย ระหว่างรอเข้าห้องฟอกเลือด ที่เป็นสัดส่วน พร้อมสิ่งอำนายความสะดวกครบครัน เช่น ไมโครเวฟ, โทรทัศน์, น้ำร้อนน้ำเย็น, อุปกรณ์รับประทานอาหาร, โต๊ะรับประทานอาหาร, หนังสือพิมพ์, มุมกาแฟ
  • การประเมินและการให้คำแนะนำเรื่องอาหารและการควบคุมน้ำโดยนักโภชนาการ ให้บริการถึงห้องฟอกเลือด
  • ประเมิน ให้คำปรึกษา จ่ายยา แนะนำถึงการใช้ยา รวมถึงทบทวนการใช้ยาอย่างละเอียดโดยเภสัชกร ให้บริการถึงห้องฟอกเลือด
  • ให้ความรู้และสอนสุขศึกษาทั้งรายบุคคลและรายกลุ่มโดยทีมสหสาขาที่มีความเชี่ยวชาญ
  • ประเมินติดตามคุณภาพชีวิตของผู้รับบริการ
  • กลุ่มมิตรภาพบำบัดสำหรับผู้ที่มารับบริการฟอกเลือด แบ่งปันประสบการณ์ ให้กำลังใจกับสมาชิกในกลุ่ม
  • ผู้รับบริการสามารถชำระค่าใช้จ่ายที่ห้องฟอกเลือด โดยจะมีเจ้าหน้าที่การเงินมาบริการถึงห้องฟอกเลือด
  • ทีมล่ามหลายภาษาในการช่วยประสานงานสำหรับชาวต่างชาติ
  • ฝ่ายประสานงานประกันต่างประเทศสำหรับชาวต่างชาติ
  • บริการรถรับส่งจากที่พักมาโรงพยาบาล (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
  • บริการผู้ป่วยที่ใช้สิทธิต่าง ๆ ดังนี้
    • สิทธิ์ประกันสังคม
    • สิทธิ์เบิกตรงสวัสดิการราชการ กรมบัญชีกลาง
    • สิทธิ์หลักประกันสุขภาพ
    • สิทธิ์ประกันสุขภาพไทยที่ครอบคลุมการฟอกเลือด
    • สิทธิ์ประกันสุขภาพต่างประเทศที่ครอบคลุมการฟอกเลือด
    • ผู้รับบริการชำระค่าใช้จ่ายเอง

โรค
และการรักษา

ความประทับใจจากผู้ป่วย

Play Video

Testimonial : คุณอาจไม่รู้ว่าคุณเป็น"นิ่ว" (การสลายนิ่วด้วยคลื่นกระแทก)

คนไข้มีอาการตัวร้อน คลื่นไส้ อาเจียน หาหมอที่อื่นแล้วก็ไม่หาย จนต้องเปลี่ยนมารักษาที่รพ.กรุงเทพพัทยา และแพทย์เฉพาะทางของเรา..ตรวจพบว่าอาการดังกล่าวเป็นอาการของ "นิ่ว"

Play Video

ศักยภาพความพร้อมศูนย์ไตเทียม รพ.กรุงเทพพัทยา (Hemodialysis Center)

ศูนย์ไตเทียม รพ.กรุงเทพพัทยา ให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ด้วยเครื่องไตเทียมประสิทธิภาพสูง เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ ตลอด 24 ชั่วโมง

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

นพ. สรรพวีร์ ประสิทธิรัตน์
เวชศาสตร์ครอบครัว
อายุรศาสตร์
พญ. บุปผา คุณาวุฒิ
เวชศาสตร์ครอบครัว
อายุรศาสตร์
นพ. อรรถกร กิระกุล
อายุรศาสตร์

บำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง

ศูนย์บำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง

อาคาร C ชั้น 1

วันจันทร์ - วันศุกร์
09.00 - 17.00 น.

การบำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง (Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBOT) คือการรักษาทางการแพทย์ที่ใช้หลักการนำออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% มาบำบัดโรคภายใต้สภาวะความดันที่สูงกว่าบรรยากาศปกติ

เป็นการรักษาผู้ป่วยด้วยการให้ออกซิเจนที่มีลักษณะพิเศษ คือ ให้ผู้ป่วยหายใจด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% ขณะอยู่ในห้องปรับความดันบรรยากาศสูง (Hyperbaric Chamber) 

ผู้ป่วยจะเข้าสู่ “ห้องปรับความดันบรรยากาศสูง (Hyperbaric Chamber)” ซึ่งจะมีการปรับความดันภายในห้องให้สูงกว่า 1 บรรยากาศ สภาวะพิเศษนี้จะทำให้ออกซิเจนบริสุทธิ์ละลายเข้าสู่กระแสเลือดและเนื้อเยื่อทั่วร่างกายได้ในปริมาณที่สูงมากเป็นพิเศษ (มากกว่าการให้ออกซิเจนแบบปกติ) ช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ที่บาดเจ็บให้หายเร็วขึ้น

HBOT เป็นนวัตกรรมที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพของผู้ที่ทำงานภายใต้ความกดดันบรรยากาศสูงหรือต่ำ เช่น

  • นักดำน้ำ (เพื่อรักษาโรคฟองก๊าซในเลือด)
  • นักบิน มนุษย์อวกาศ 
  • บุคคลที่ทำงานในอุโมงค์หรือเหมืองใต้ดินลึก

ปัจจุบัน ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ แพทย์ได้นำ HBOT มาประยุกต์ใช้ในการรักษาโรคทั่วไปหลายชนิด ซึ่งให้ผลการรักษาที่ดีเยี่ยม และยังมีการศึกษาเพื่อนำไปใช้รักษาโรคอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง

โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาใช้เครื่องบำบัดยี่ห้อ Sechrist Model 3300 แบบ Monoplace ซึ่งได้รับการปรับเพิ่มประสิทธิภาพครั้งใหญ่ในเดือนพฤศจิกายน 2568 เพื่อมอบความสะดวกสบายและประสิทธิภาพการรักษาสูงสุดแก่ผู้ป่วย

รายละเอียดการอัปเกรด

  • ขนาดใหญ่ขึ้น เส้นผ่านศูนย์กลาง 32.5 นิ้ว (เดิม 24 นิ้ว) ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย ไม่คับแคบ
  • ปรับระดับท่านอน สามารถปรับระดับศีรษะให้เป็นลักษณะเอนได้ (เดิมต้องนอนราบเท่านั้น) เพื่อความสบายสูงสุดตลอดการรักษา
  • รับน้ำหนักได้มาก รองรับน้ำหนักผู้ป่วยได้สูงสุดถึง 500 ปอนด์ หรือ 227 กิโลกรัม
  • ผ่อนคลายและสื่อสาร มีระบบสื่อสารระหว่างผู้ป่วยและพยาบาล พร้อมลำโพงภายในสำหรับ ฟังเพลงหรือรับชมโทรทัศน์ เพื่อความผ่อนคลายระหว่างการบำบัด

ออกซิเจนเป็นสารที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต หากขาดออกซิเจนเพียงไม่กี่นาที ก็ทำให้สมองตาย และเสียชีวิตได้ เมื่อหายใจ อากาศเข้าสู่ปอด ออกซิเจนจะซึมผ่านผนังถุงลมและหลอดเลือดฝอยไปละลายในเลือด และจับกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง หัวใจจะทำหน้าที่เสมือนปั๊มสูบเลือดที่ได้รับออกซิเจนจากปอดและฉีดไปตามเส้นเลือดแดงสู่อวัยวะต่าง ๆ จนถึงเส้นเลือดฝอยที่แผ่กระจายเป็นร่างแหในเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย เพื่อส่งออกซิเจนให้เซลต่างๆ ได้ใช้ เส้นเลือดฝอยเหล่านี้จะรวมกันเป็นเส้นเลือดดำ นำเลือดที่มีคาร์บอนไดออกไซด์สูงกลับไปรับออกซิเจนกลับมาใหม่

ร่ายกายเราต้องรักษาระดับออกซิเจนในเนื้อเยื่อให้พอเพียงอยู่เสมอ เนื้อเยื่อสมองและหัวใจจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนมากกว่าเนื้อเยื่ออื่น ๆ จึงมีเลือดมาเลี้ยงมาก ถ้าคุณเคยลืมการหายใจบ่อย ๆ เผลอหยุดหายใจบ่อย ๆ จะมีอาการปวดศีรษะ เพราะสมองขาดเลือด ถ้าขาดนาน ๆ สมองจะบวมได้ หากเกิดภาวะพร่องออกซิเจนในเนื้อเยื่อด้วยเหตุใดก็ตาม จะทำให้เซลล์ต่าง ๆ หยุดทำงานหรือตายได้

นอกจากออกซิเจนจะเป็นสารที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตแล้ว ออกซิเจนยังเป็น “ยา”ที่ใช้กันแพร่หลายด้วย โรคหลายชนิดและการบาดเจ็บทำให้เกิดภาวะพร่องออกซิเจน ซึ่งแพทย์จะพยายามแก้ไขโดยการเพิ่มเปอร์เซนต์ออกซิเจนในอากาศที่ผู้ป่วยหายใจให้สูงขึ้น แต่ในบางกรณี แม้จะเพิ่มออกซิเจนถึง 100% แล้ว ก็ยังไม่สามารถแก้ไขภาวะพร่องออกซิเจนได้ ในสถานการณ์นี้ HBOT คือทางเลือกที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ขณะบำบัดด้วย HBOT ออกซิเจนในเลือดจะเพิ่มขึ้นทันทีตามความลึกที่เพิ่มขึ้นที่ระดับ 3 บรรยากาศ ความลึกประมาณ 60 ฟุต ออกซิเจนจับกับเม็ดเลือดแดงได้ดี และละลายอยู่ในเลือดสูงกว่าปกติถึง 20 เท่า จึงสามารถแก้ภาวะพร่องออกซิเจนได้ดีและออกฤทธิ์โดยลดการบวมของเนื้อเยื่อ ส่งเสริมให้มีการซ่อมแซมบาดแผลและพบว่า จะมีการสร้างเส้นเลือดฝอยใหม่ ๆ ขึ้นมา ช่วยเม็ดเลือดขาว กำจัดเชื้อโรคและช่วยทำลายหรือยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ต่าง ๆ

กลไกที่สำคัญที่สุดซึ่งค้นพบไม่นานมานี้ คือการเพิ่มขึ้นของเซลล์ต้นกำเนิด (Stem cells) ในกระแสเลือด 8 เท่าของภาวะปกติ เซลล์ต้นกำเนิดนี้ จะไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ชำรุดทั่วไปในร่างกาย โดยเฉพาะส่วนที่มีพยาธิสภาพ

  • รักษาการเจ็บป่วยจากการดำน้ำ คือโรคลดความกดไม่เพียงพอ (โรคน้ำหนีบ)และโรคที่เกิดจากฟองก๊าซอุดเส้นเลือดสมอง (AGE Arterial Gas Embolism)
  • แก้ภาวะสมองไขสันหลังบวมและเนื้อเยื่อขาดออกซิเจนหลังบาดเจ็บ
  • ลดการบวมช้ำบริเวณแผลผ่าตัด
  • รักษาการติดเชื้อของกล้ามเนื้อชนิดรุนแรงและการติดเชื้อของกระดูกชนิดเรื้อรัง
  • รักษากระดูกและเนื้อเยื่ออื่น ๆ ตาย หลังการรักษาด้วยรังสีบำบัด
  • รักษาแผลเรื้อรัง เช่น แผลกดทับ แผลเบาหวาน
  • รักษาพิษจากการสูดดมควันและก๊าซ เช่น พิษคาร์บอนมอนอกไซด์
  • รักษาแผลไฟไหม้ และน้ำร้อนลวก
  • รักษาการเสียเลือดมากที่ไม่สามารถให้ถ่ายเลือดได้

 ขณะนี้แพทย์กำลังศึกษาผลการนำ HBOT รักษาโรคอีกหลายชนิด เช่น ภาวะเส้นเลือดสมองอุดตัน และสมองพิการ ภาวะการบาดเจ็บจากกีฬา รวมทั้งโรคเขตร้อน เช่น มาลาเรีย,ทางเลือกสำหรับ Anti aging

ขณะบำบัดด้วย HBOT ผู้ป่วยต้องปรับความดันอากาศที่มีอยู่ในร่างกายให้สมดุลกับความกดอากาศภายนอก ภาวะบางอย่าง เช่น การติดเชื้อทางเดินหายใจ ไซนัสและหู อาจทำให้ผู้ป่วยปรับความดันได้ไม่ดี จึงต้องตรวจก่อนการรักษา ผู้ป่วยโรคปอดหรือบาดเจ็บที่ปอดและมีอากาศค้างอยู่นอกถุงลม อาจได้รับอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงของความกดดันได้ จึงจำเป็นต้องตรวจเอกซเรย์ปอดก่อนทำการรักษา

อาการเป็นพิษของออกซิเจน จะเกิดเมื่อใช้ความดันสูงเกินกว่า 3 บรรยากาศ (ความลึก 60 ฟุต) ทำให้ผู้ป่วยชักกระตุกคล้ายการชักแบบลมบ้าหมูได้ สามารป้องกันได้โดยใช้ความดันให้ต่ำกว่า 3 บรรยากาศ หรือน้อยกว่าความลึก 60 ฟุต แต่ขึ้นกับความทนของแต่ละบุคคลจะไม่เหมือนกัน

การบาดเจ็บจากความกดดัน เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยใน HBOT เช่น ทำให้เกิดอาการหูอื้อ ปวดหู หรือปวดไซนัส เกิดจากผู้ป่วยไม่สามารถปรับความดันในโพรงอากาศในอวัยวะเหล่านี้ได้ไม่ดีนัก ต้องรักษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ด้วยคุณประโยชน์อันมหาศาลของการนำออกซิเจนความดันสูงมารักษาโรค แต่หากไม่อยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ อาจก่อให้เกิดอันตรายได้

ศูนย์บำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูงของร.พ.กรุงเทพพัทยา เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ศึกษาและเรียนรู้เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ใต้น้ำและการบิน ที่มีประสบการณ์สูง จากการปฏิบัติงานในกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีชื่อเสียงในการรักษาพยาบาลด้วยวิธีนี้ พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือและเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อให้การบริการที่ทันสมัยและมีคุณภาพ

ในขณะให้การบำบัด ผู้ใช้บริการจะมีความสะดวกสบายและเป็นส่วนตัว เพราะทางร.พ.เลือกใช้ Monoplace  hyperbaric chamber สำหรับผู้ป่วยเพียงคนเดียว ขนาดเล็กเฉพาะตัวและใช้ออกซิเจนสำหรับเพิ่มความดันโดยตรง ผู้ป่วยจึงหายใจออกซิเจนบริสุทธิ์โดยไม่ต้องใช้หน้ากากในขณะที่สามารถดูโทรทัศน์บนผนัง โปร่งใสหรือหลับพักผ่อนระหว่างการบำบัดได้อย่างเป็นส่วนตัวที่สุด