
ศูนย์สุขภาพจิต
หน้าแรก > บริการ > ศูนย์และคลินิก > ศูนย์สุขภาพจิต

ศูนย์สุขภาพจิตเป็นสถานบริการที่ให้การดูแลและรักษาด้านสุขภาพจิตแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การบำบัดผู้ป่วยนอก ไปจนถึงการดูแลผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยใน (นอนโรงพยาบาล) โดยมีแนวทางการให้บริการดังนี้
จิตเวชศาสตร์ คือ ศาสตร์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจวินิจฉัย บำบัดรักษา ส่งเสริมป้องกัน และศึกษาวิจัยปัญหาด้านจิตใจของบุคคล หรือสุขภาพจิต โดยมีการบำบัดรักษาด้วย ยาบำบัด จิตบำบัด การให้คำปรึกษา และอาจรวมถึงการบำบัดด้วยไฟฟ้า การบำบัดรักษาโดยทั่วไปเป็นการดูแลแบบผู้ป่วยนอกเป็นหลัก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรคของแต่ละบุคคล
1. บริการสำหรับผู้ที่ยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ แต่ต้องการความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต
- การให้คำปรึกษาและประเมินสุขภาพจิต
- ตรวจคัดกรองภาวะซึมเศร้า ไบโพลาร์ วิตกกังวล PTSD ฯลฯ
- ใช้เครื่องมือทางจิตวิทยา เช่น แบบทดสอบทางจิตวิทยา หรือ AI วิเคราะห์พฤติกรรม
2. การบำบัดทางจิตวิทยา (Psychotherapy & Counseling)
- จิตบำบัดรายบุคคลหรือกลุ่ม เช่น CBT (Cognitive Behavioral Therapy)
- ดนตรีบำบัด หรือการทำสมาธิ
3. การรักษาด้วยยา (Medication Management)
4. โปรแกรมฟื้นฟูสุขภาพจิต (Mental Health Rehabilitation Program) กิจกรรมบำบัด
5. สายด่วนสุขภาพจิต โทรศัพท์ให้คำปรึกษา 24 ชั่วโมง
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ดูแลในหอผู้ป่วยจิตเวช โดยมีทีมแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา และนักกิจกรรมบำบัด นักดนตรีบำบัดให้บริการ เฝ้าระวังภาวะอารมณ์และพฤติกรรมที่อาจเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
คลินิกแสงตะวัน ทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกยาเสพติดและฟื้นฟูจิตใจ
โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาเข้าใจถึงความยากลำบากของผู้ที่เผชิญกับปัญหาการเสพติดและปัญหาสุขภาพจิต เราจึงได้จัดตั้ง “คลินิกแสงตะวัน” สถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองจาก กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข (ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 178) ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2545 โดยให้บริการบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติดและดูแลผู้ป่วยจิตเวชอย่างครบวงจร ทั้งแบบผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน บำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด โปรแกรมบำบัดที่ออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเลิกใช้สารเสพติดได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
บำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด
- โปรแกรมบำบัดที่ออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเลิกใช้สารเสพติดได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- การดูแลโดยทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านยาเสพติดที่มีประสบการณ์
- การให้คำปรึกษาและสนับสนุนทางจิตใจ เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ป่วย
ดูแลผู้ป่วยจิตเวช
- การวินิจฉัยและรักษาโรคทางจิตเวชต่างๆ เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคไบโพลาร์
- การให้คำปรึกษาและบำบัดทางจิตใจ โดยนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- การดูแลแบบองค์รวม เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข
วัตถุประสงค์
- เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเลิกใช้สารเสพติดได้โดยไม่เกิดอาการทรมานและภาวะแทรกซ้อน
- ลดภาระของสังคมและครอบครัวที่เกิดจากการกระทำของผู้เสพสารเสพติด
- ฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ป่วยให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปรกติ
โรคจิตเวช คือ เป็นความผิดปกติที่ส่งผลกระทบต่อความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของบุคคล ทำให้เกิดความทุกข์ทรมานหรือความบกพร่องในชีวิตประจำวัน อาการอาจมีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรงและส่งผลต่อการดำรงชีวิตของผู้ป่วย
1. ประเภทของโรค
- โรคซึมเศร้า (Depressive Disorders) อารมณ์ซึมเศร้า ขาดความสนใจหรือความสุขในกิจกรรมต่าง ๆ, นอนไม่หลับหรือหลับมากเกินไป,ความรู้สึกผิดและไร้ค่า,มีความคิดเกี่ยวกับการทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
- โรควิตกกังวล (Anxiety Disorders) รู้สึกกังวลหรือกลัวอย่างมาก แม้ไม่มีเหตุผลชัดเจน ใจสั่น เหงื่อออก ตัวสั่น,หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล,ปัญหาการนอนและความสามารถในการมีสมาธิ
- โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) มีช่วงอารมณ์ขึ้นสูง (mania) และช่วงอารมณ์ซึมเศร้า,ช่วง mania: คึกคักเกินไป ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย คิดเร็ว พูดเร็ว,ช่วงซึมเศร้า: ขาดพลังงาน สิ้นหวัง ไม่มีสมาธิ
- โรคจิตเภท (Schizophrenia) อาการประสาทหลอน (เห็นหรือได้ยินสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง) ความคิดหลงผิดและไม่เป็นเหตุเป็นผล,พฤติกรรมและคำพูดที่ไม่สอดคล้องกัน,ขาดความสามารถในการเข้าสังคมหรือทำงานประจำ
- โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder, OCD) มีความคิดซ้ำ ๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ (Obsession),มีพฤติกรรมที่ต้องทำซ้ำ ๆ เพื่อลดความกังวล (Compulsion),ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและกิจวัตรประจำวัน
- โรคเครียดหลังเหตุการณ์ร้ายแรง (Post-Traumatic Stress Disorder, PTSD) ฝันร้ายและภาพเหตุการณ์สะเทือนใจซ้ำ ๆ,หลีกเลี่ยงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ร้ายแรง,อารมณ์แปรปรวนและระแวดระวังมากผิดปกติ
- โรคสมาธิสั้น (ADHD) ขาดสมาธิในการทำกิจกรรมต่าง ๆ,อยู่ไม่นิ่งและมีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น,มีปัญหาในการจัดการเวลาและความรับผิดชอบและนอนไม่หลับ
2. สาเหตุโรคทางจิตเวชเกิดจากปัจจัยหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อสมองและระบบประสาท ได้แก่
- พันธุกรรม หากสมาชิกในครอบครัวมีประวัติโรคทางจิตเวช โอกาสที่บุคคลจะเป็นโรคเพิ่มขึ้น
- ความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง สารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) โดพามีน (Dopamine) และนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) มีบทบาทสำคัญในการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรม
- ปัจจัยทางจิตสังคม ความเครียดจากการทำงาน ปัญหาครอบครัว หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางจิตใจ
- ประสบการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ เช่น การถูกล่วงละเมิดทางร่างกายหรือจิตใจ อุบัติเหตุ หรือการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
- การใช้สารเสพติดและแอลกอฮอล์ มีผลต่อการทำงานของสมองและอาจกระตุ้นให้เกิดหรือทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้น
- ปัจจัยทางชีวภาพและฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงวัยรุ่นหรือสตรีที่ตั้งครรภ์ อาจส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าหรืออารมณ์แปรปรวน
3. ปัจจัยเสี่ยง หรือ กลุ่มเสี่ยง และผลนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจ
- ผู้ที่เผชิญกับความเครียดเรื้อรังหรือเหตุการณ์สะเทือนใจผู้ป่วยบางรายอาจมีความคิดและพฤติกรรมฆ่าตัวตาย ซึ่งต้องได้รับการดูแลและช่วยเหลือโดยด่วน
- ผู้ที่ใช้สารเสพติดหรือดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก บางคนอาจหันไปใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์เพื่อหลีกเลี่ยงอาการทางจิตเวช ซึ่งจะทำให้อาการรุนแรงขึ้น
- ผู้ที่มีภาวะทางกาย เช่น โรคเรื้อรัง หรือภาวะทุพโภชนาการ โรคจิตเวชบางประเภท เช่น โรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน
- บุคคลที่ขาดการสนับสนุนทางสังคมและครอบครัว ความสัมพันธ์ที่บกพร่อง ผู้ป่วยอาจมีปัญหาในการสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น ทำให้เกิดความขัดแย้งในครอบครัวและสังคม
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาการของโรคอาจกำเริบและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆการตรวจวินิจฉัย
4. การรักษา
การรักษาโรคทางจิตเวชสามารถแบ่งออกเป็นหลายวิธี ขึ้นอยู่กับประเภทและระดับความรุนแรงของโรค ได้ดังนี้
4.1 การใช้ยา
- ยาต้านเศร้า (Antidepressants): ใช้รักษาโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล โดยช่วยปรับสมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine)
- ยารักษาโรคจิต (Antipsychotics): ใช้ในผู้ป่วยโรคจิตเภทหรือไบโพลาร์ที่มีอาการทางจิต เช่น ประสาทหลอนหรือหลงผิด
- ยาคลายกังวล (Anxiolytics): ใช้บรรเทาอาการวิตกกังวล และช่วยให้นอนหลับ แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวังเนื่องจากอาจทำให้เกิดการพึ่งพายา
- ยาควบคุมอารมณ์ (Mood Stabilizers): ใช้รักษาโรคไบโพลาร์ เพื่อป้องกันอารมณ์แปรปรวนทั้งภาวะซึมเศร้าและแมเนีย
4.2 จิตบำบัด (Psychotherapy)
- การบำบัดพฤติกรรมทางปัญญา (Cognitive Behavioral Therapy, CBT): ช่วยให้ผู้ป่วยเปลี่ยนแปลงความคิดและพฤติกรรมที่เป็นปัญหา
- การบำบัดแบบสนับสนุน (Supportive Therapy): ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเครียดและสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน
- อื่นๆ เช่น จิตพลวัตหรือจิตวิเคราะห์,EMDRการบำบัดรักษาบาดแผลทางใจ ใช้ในการทำความเข้าใจปมปัญหาภายในจิตใจที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และพฤติกรรม ตัวอย่าง PTSD,TRAUMA เป็นต้น
4.3 การรักษาอื่น ๆ
- ดนตรีบำบัด Music therapy
- การกระตุ้นสมองด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า (Transcranial Magnetic Stimulation, TMS): ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคทางจิตเวชที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบดั้งเดิม
5. การป้องกันโรคทางจิตเวช
การป้องกันโรคทางจิตเวชสามารถทำได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค เช่น
- การดูแลสุขภาพจิต ฝึกฝนการควบคุมอารมณ์และการจัดการความเครียด ฝึกหายใจลึก ๆ หรือทำสมาธิเพื่อลดความวิตกกังวล หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดและแอลกอฮอล์ พูดคุยและเปิดใจกับคนที่ไว้ใจได้เกี่ยวกับปัญหาหรือความเครียดที่เผชิญ
- การดูแลสุขภาพกาย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน วิ่ง โยคะ หรือว่ายน้ำ ,รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ และโปรตีนที่มีคุณภาพ นอนหลับให้เพียงพอวันละ 6-8 ชั่วโมง
- การเสริมสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อม ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนฝูงที่ให้การสนับสนุน มีงานอดิเรกหรือกิจกรรมที่สร้างความผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดความเครียดสูง
6. การฟื้นฟูสุขภาพจิต Rehabilitation
การฟื้นฟูสุขภาพจิตเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหลังจากการรักษา โดยรวมถึง การฟื้นฟูทางร่างกายด้วยการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายและลดความเครียด ,ปรับเปลี่ยนโภชนาการให้เหมาะสมกับสุขภาพจิต,การฟื้นฟูทางจิตใจ โดยการเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือการให้คำปรึกษาจากนักจิตวิทยา ฝึกฝนทักษะในการรับมือกับความเครียด หรือการฟื้นฟูทางสังคม คือ การกลับไปทำงานหรือเรียนหนังสือตามปกติ ,การเข้าร่วมกิจกรรมสังคมเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และการเข้าร่วมกิจกรรมดนตรีบำบัดหรือกิจกรรมศิลปะบำบัดเพื่อเสริมสร้างความสุข
7. Technology (Equipment/Investigate) เทคโนโลยีทางการแพทย์ (เครื่องมือ การวินิจฉัย)
การรักษาโรคทางจิตเวชในปัจจุบันไม่ได้อาศัยเพียงแค่ยาและจิตบำบัด แต่มีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา การกระตุ้นสมองด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ใช้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อยาหรือการบำบัดแบบดั้งเดิม
- TMS (Transcranial Magnetic Stimulation) — การกระตุ้นสมองด้วยสนามแม่เหล็ก ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากระตุ้นบริเวณสมองที่เกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้าหรือโรคทางจิตเวชที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบดั้งเดิม
- การบำบัดด้วยออกซิเจนแรงดันสูง(HBOT)กับโรคทางจิตเวช—ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และเนื่องจากการทำงานของเซลล์ประสาทขึ้นอยู่กับระดับออกซิเจนในสมอง การบำบัดด้วยออกซิเจนแรงดันสูงจึงถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการรักษาโรคทางจิต ออกซิเจนที่เพิ่มขึ้นในเลือดช่วยปกป้องและฟื้นฟูเซลล์ประสาทที่ได้รับผลกระทบจากระดับคอร์ติซอล และช่วยปรับสมดุลกิจกรรมของคลื่นสมอง ทำให้สารเคมีในสมองสมดุล
- ปัญหาด้านสมาธิ และความจำ สภาวะบกพร่องด้านเชาวน์ปัญญา
- โรคเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร
- ความผิดปกติทางสุขภาพจิต
- ความถนัดในเด็ก และรูปแบบการเรียนรู้
- การพัฒนาการและพฤติกรรมในเด็ก/ภาวะออทิสซึม
- บริการให้คำปรึกษาบำบัดรักษา ปัญหาด้านความจำ
- ปัญหาในการนอน นอนไม่หลับ
- โรคซึมเศร้า
- ปัญหาด้านความวิตกกังวล
- โรคเครียด โรควิตกกังวล
- โรคซึมเศร้า โรคอารมณ์แปรปรวนและปัญหาทางอารมณ์
- โรคทางความคิด
- โรคประสาท กลุ่มอาการย้ำคิดย้ำทำ
- โรคทางกายมีสาเหตุจากปัญหาทางจิตใจ
- อาการนอนไม่หลับ
- ปวดศีรษะ โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
- ปัญหาในการปรับตัว ปัญหาด้านบุคลิกภาพ
- ปัญหาการใช้สารเสพติด
- ปัญหาครอบครัว
- ปัญหาพฤติกรรมปัญหาเรื่องเพศ
- ปัญหาสมรรถภาพทางเพศที่ไม่ได้เกิดจากสาเหตุทางด้านร่างกาย
- ความสามารถด้านเชาวน์ปัญญา กระบวนการคิด ความจำ และการเรียนรู้
- การประเมิน EQ ความสามารถของบุคคลเชิงระบบประสาทจิตวิทยา
- การทดสอบบุคลิกภาพ ความฉลาดทางอารมณ์
- การทดสอบทางจิตวิทยา สุขภาพจิต และบุคลิกภาพพื้นฐาน
- บุคลิกภาพและรูปแบบการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงาน