Skip to content

24 มีนาคม วันวัณโรคโลก

วันวัณโรคสากล หรือ วันวัณโรคโลก ตรงกับวันที่ 24 มีนาคมของทุกปี

สหพันธ์องค์กรต่อต้านวัณโรคและโรคปอดนานาชาติ (IUATLD: International Union Against Tuberculosis and Lung Disease) ได้เสนอให้กำหนดวันที่ 24 มีนาคมของทุกปี เป็นวันวัณโรคโลก (World TB Day) อย่างเป็นทางการ เพื่อย้ำเตือนให้ประชากรทั่วโลกตระหนักว่าวัณโรคยังคงระบาดทั่วโลก วัณโรคนับเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่งที่คร่าชีวิตมนุษย์ทั่วโลกเป็นจำนวนมาก ในสมัยก่อนวัณโรคเป็นที่รังเกียจของสังคม เพราะเมื่อเป็นแล้วผู้ป่วยมักจะมีอาการไอเรื้อรังหรือไอเป็นเลือดและแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ โดยในเวลาต่อมาก็จะเบื่ออาหารจนร่างกายผ่ายผอมจนกระทั่งเสียชีวิตไปในที่สุด วันวัณโรคโลก ประวัติเป็นมาอย่างไร ทั้งนี้ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2425 ดร.โรเบิร์ต คอช (Dr.Robert Koch) ประกาศการค้นพบสาเหตุโรควัณโรคคือเชื้อแบคทีเรีย Tubercle bacillus เป็นครั้งแรก ซึ่งขณะนั้นวัณโรคแพร่กระจายทั่วยุโรปและอเมริกาและเป็นสาเหตุการเสียชีวิต 1 ใน 7 ของประชากรทั้งหมด การค้นพบครั้งนี้จึงช่วยเบิกทางในการคิดค้นวิธีรักษาวัณโรค

สถานการณ์โรควัณโรคในประเทศไทย

องค์การอนามัยโลกจัดให้ประเทศไทย เป็น 1 ใน 14 ประเทศของโลกที่มีภาระวัณโรค วัณโรคที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวีและวัณโรคดื้อยาหลายขนานสูง จากรายงานองค์การอนามัยโลกปี 2567 คาดประมาณว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยวัณโรค 113,000 ราย ผู้ป่วยวัณโรคที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวี 9,400 ราย ล่าสุดกรมควบคุมโรคเผยตัวเลขของผู้ป่วยวัณโรคไว้ว่า ผู้ป่วยวัณโรครายใหม่อยู่ที่ 113,000 ราย ในจำนวนผู้ป่วยรายใหม่นี้ พบว่าขึ้นทะเบียนรับการรักษาเพียงร้อยละ 65 หรือ 73,450 รายเท่านั้น นอกจากนี้จำนวนผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยบางรายที่มีอาการดื้อยามีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย ทำให้ทุกประเทศต้องร่วมกันรณรงค์เพื่อกำจัดวัณโรคให้หมดไปโดยเร็วที่สุด

วัณโรค อันตรายไหม ?

โรควัณโรค หรือ TB เป็นโรคติดเชื้อชนิดรุนแรง ซึ่งมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า ไมโครแบคทีเรียม ทิวเบอร์คูโลซิส (Mycobacleriumtuberculosis) สามารถเกิดได้กับอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย แต่ร้อยละ 80 เกิดที่ปอด ซึ่งประเทศไทยถือว่ายังมีความชุกของโรคอยู่มาก เพราะพบผู้ป่วยจำนวนมากทุกปี แต่โดยทั่วไปแล้ว โรคนี้มักเกิดกับเด็กเล็กที่ยังมีภูมิคุ้มกันไม่มาก หรือผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้ป่วยเอดส์มีโอกาสเป็นวัณโรคได้มากกว่าคนปกติถึง 10 เท่า เพราะร่างกายขาดภูมิคุ้มกัน ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย

อาการของผู้ป่วยวัณโรค

  • ผู้ป่วยวัณโรคจะมีอาการอ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง
  • เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง
  • หนาวสั่น ไข้ต่ำ ในตอนกลางคืนมักจะมีเหงื่อออก
  • เมื่อเริ่มป่วยในระยะแรกมักจะมีอาการไอแห้ง หลังจากนั้นจะเริ่มไอแบบมีเสมหะ
  • เมื่อเข้านอนก็จะยิ่งมีอาการไอหนักมาก ทั้งช่วงเวลาหลังจากตื่นนอนตอนเช้าและในหลังอาหารด้วย
  • อาการไอเรื้อรังจะคงอยู่เป็นเวลานานกว่า 3 สัปดาห์ บางรายที่ไอมาก ๆ จะมีอาการหอบด้วยหรือไอเป็นเลือดก้อนแดงๆ หรือเลือดสีดำปนออกมาพร้อมกัน
  • ในรายที่เป็นเด็กอาการจะรุนแรงหนักกว่าผู้ใหญ่เพราะภูมิคุ้มกันโรคต่ำกว่า
  • ผู้ป่วยบางรายที่ยังเป็นน้อยๆ อาจจะไม่มีอาการไอเลย ทว่าจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกแทน หากมีอาการไอเรื้อรัง มีเลือดปน เบื่ออาหาร ร่างกายผ่ายผอม ควรมาพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันเวลา หากวินิจฉัยว่าเป็นโรควัณโรค ก็สามารถรักษาให้หายได้ หากทานยาตามแพทย์สั่งและติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง

วิธีป้องกันตัวเองจากวัณโรค

  1. หากจำเป็นต้องทำงานอยู่ในสถานที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ให้ออกมาสูดอากาศภายนอกบ้างในระหว่างวัน
  2. รักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์
  3. หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรคในระยะแพร่เชื้อ
  4. สวมหน้ากากอนามัย เมื่อมีความเสี่ยงต่อการอยู่ใกล้ผู้ป่วยวัณโรค
  5. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV
  6. ลดการดื่มแอกอฮอล์ สูบบุหรี่ และอย่าใช้สารเสพติด
  7. ตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก กองวัณโรค กรมควบคุมโรค
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลสุขภาพ โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา โทร. 0 3825 9999

อายุรกรรม

แชร์ :

บทความสุขภาพที่เกี่ยวข้อง