Skip to content

รู้จักกับ ไวรัสอะดีโน ไวรัสที่ไม่ได้อยู่แค่ที่ต่อมอะดีนอยด์

หน้าแรก  >  บทความเกี่ยวกับสุขภาพ

อะดีโนไวรัส เกิดจากอะไร

“คุณหมอคะ แม่เจอข่าว เขาบอกว่าเชื้อไวรัสอะดีโนกำลังระบาด มันคือเชื้ออะไรเหรอคะ”

“คุณหมอคะ ลูกของเพื่อนบ้านมีไข้สูง มาหาหมอแล้วเจอว่าติดเชื้อไวรัสอะดีโน มันคืออะไร เป็นโรคใหม่หรือเปล่าคะ”

ไวรัสอะดีโน (Adenovirus) เชื้อโรคชื่อไม่คุ้นหู เชื้อนี้คืออะไร อันตรายแค่ไหน วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟัง

ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า เชื้อไวรัสอะดีโน เป็นหนึ่งในเชื้อไวรัสที่มีมานานแล้ว มีการระบาดเป็นระยะ ไม่ใช่เชื้ออุบัติใหม่แต่อย่างไร เพียงแค่ในปัจจุบัน เรามีเทคโนโลยีการตรวจจับเชื้อที่ดีมากขึ้น ทำให้เราสามารถจับเชื้อได้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน โดยข้อมูลการสำรวจพบว่าประชากรวัยเด็กจะตรวจพบหลักฐานของการเคยติดเชื้อ ไวรัสอะดีโนสายพันธุ์ 1, 2, 5 มากถึง 40-60%

ADV อะดิโนไวรัส รักษา

อาการของการติดเชื้อไวรัสอะดีโน (Adenovirus)

ไวรัสอะดีโนถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1953 โดยนักไวรัสวิทยา ด็อกเตอร์ Wallace Rowe โดยพบจากเนื้อเยื่อต่อมอะดีนอยด์ (ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ด้านหลังโพรงจมูก) ทำให้ไวรัสนี้ถูกตั้งชื่อว่า ไวรัสอะดีโน แต่ในความเป็นจริงแล้วไวรัสชนิดนี้พบการติดเชื้อได้ในหลายระบบ โดยระบบที่พบบ่อยได้แก่

  1. ระบบทางเดินหายใจ : ผู้ป่วยจะมีอาการ ไอ น้ำมูก ไหล เจ็บคอ ตาแดง
  2. ระบบทางเดินอาหาร : ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายเหลว อาเจียน ปวดท้อง

นอกจากนี้ผู้ป่วยมักมีไข้ร่วมกับอาการตามระบบที่มีการติดเชื้อ โดยมีระยะเวลาเฉลี่ยของไข้อยู่ที่ 5-6 วัน

เชื้อไวรัสอะดีโนเป็นเชื้อที่ก่อโรคพบได้ทุกกลุ่มอายุ แต่จะพบบ่อยใน เด็กอายุระหว่าง 6 เดือนถึง 5 ปี และมีโอกาสเกิดโรครุนแรงได้ในเด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ป

การติดต่อของเชื้อไวรัสอะดีโน (Adenovirus)

การติดต่อของไวรัสอะดีโนส่วนใหญ่เกิดจาก การสูดหายใจเอาละอองน้ำมูก หรือเสมหะที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป และติดต่อได้จากการสัมผัสเชื้อจากผิวสัมผัสต่างๆ รวมถึงการรับประทานอาหาร และน้ำที่มีการปนเปื้อนของเชื้อ

จะทราบได้อย่างไรว่าติดเชื้อไวรัสอะดีโน (Adenovirus) ?

ในผู้ป่วยที่มีอาการในระบบทางเดินหายใจ หรืออาการทางตา สามารถตรวจหาเชื้อได้จากการป้ายจมูกและคอ (Swab test)

ในผู้ป่วยที่มีอาการในระบบทางเดินอาการ สามารถตรวจหาเชื้อได้จากการเก็บอุจจาระส่งตรวจ

ADV อะดิโนไวรัส อันตรายไหม

การรักษาหลังติดเชื้อไวรัสอะดีโน (Adenovirus) ?

การรักษาหลักของโรคติดเชื้ออะดีโนไวรัส คือ การรักษาตามอาการ เนื่องจากเชื้ออะดีโนไวรัส จะแตกต่างจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ หรือโควิด คือ ไม่มียาต้านเชื้อไวรัสโดยเฉพาะ ส่วนยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียนั้น ไม่สามารถใช้รักษาเชื้อตัวนี้ได้เช่นกัน

การรักษาตามอาการเช่น การให้น้ำเกลือเมื่อผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อย การพ่นยา ดูดเสมหะ หรือให้ออกซิเจน เมื่อผู้ป่วยมีการติดเชื้อที่ปอด การให้ยาลดไข้ และเช็ดตัว เมื่อผู้ป่วยมีไข้ เป็นต้น

การป้องกันเชื้อไวรัสอะดีโน (Adenovirus) ?

เช่นเดียวกับเชื้อโรคอื่นๆ วิธีป้องกันการติดเชื้อไวรัสอะดีโนที่ดีที่สุด คือ การสอนให้เจ้าตัวน้อยล้างมือให้ถูกวิธี ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล การรักษาความสะอาดเครื่องใช้ภายในบ้าน รวมถึง การหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย

 


ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.วิษณุ กิตติอาภรณ์พล

กุมารแพทย์ อนุสาขากุมารเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดและปริกำเนิด รพ.กรุงเทพพัทยา

 


แหล่งอ้างอิง

Red Book: 2021–2024 Report of the Committee on Infectious Diseases By: Committee on Infectious Diseases, American Academy of Pediatrics, David W. Kimberlin, MD, FAAP

Wun-Ju Shieh, Human adenovirus infections in pediatric population – An update on clinico–pathologic correlation, Biomedical Journal, Volume 45, Issue 1, 2022

Ruuskanen O, Meurman O, Sarkkinen H. Adenoviral diseases in children: a study of 105 hospital cases. Pediatrics. 1985

Hsiu-Lin Chen, Respiratory Adenoviral Infections in Children: A Study of Hospitalized Cases in Southern Taiwan in 2001–2002. Journal of Tropical Pediatrics. 2004

Xue-Hua Xu, Analysis of mortality risk factors in children with severe adenovirus pneumonia: A single center retrospective study. Taiwan Pediatric Association 2022

ข่าวหมอเจ้าของเพจดัง เตือนอะดีโนไวรัสระบาด วันเดียวตรวจ 6 เคส พบเชื้อทุกคน (ch7.com)

Stanford University

ATS – American Thoracic Society

 

สุขภาพเด็ก

แชร์ :

บทความสุขภาพที่เกี่ยวข้อง