นิ่วในไต
การรักษาเกี่ยวกับเรื่องนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
หลายคนอาจไม่รู้ว่าโรคนิ่วในไตสามารถพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในผู้ชายมีโอกาสพบได้มากกว่าผู้หญิง และช่วงวัยที่พบส่วนใหญ่คืออายุ 30 – 40 ปี หากปล่อยทิ้งไว้นานไม่รีบรักษา อาจเกิดการติดเชื้อบ่อยจนเนื้อไตเสีย ไตเสื่อม และไตวายเรื้อรังได้ในอนาคต จึงควรรีบรักษาให้หายก่อนรุนแรง
นิ่วในไตเป็นโรคที่เกิดจากการสะสมของแร่ธาตุแข็งชนิดต่าง ๆ จนกลายเป็นก้อนแข็งที่มีชนิดและขนาดแตกต่างกัน โดยมักจะพบที่ไตบริเวณกรวยไตและระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นผลมาจากการปัสสาวะเข้มข้นมากและตกตะกอนเป็นนิ่ว ซึ่งนิ่วในไตมีโอกาสเป็นซ้ำได้
การเกิดนิ่วในไตมีความเกี่ยวข้องกับการมีแคลเซียมในปัสสาวะมากผิดปกติจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่
รับประทานอาหารแคลเซียม โปรตีน เกลือ และน้ำตาล สูงมากเกินไป
ดื่มน้ำน้อยเกินไป
ใส่น้ำตาลในเครื่องดื่มมากเกินไป
กินอาหารที่มีสารออกซาเลตยับยังการดูดซึมแคลเซียม อาทิ ถั่ว หน่อไม้ ช็อกโกแลต ผักปวยเล้ง มันเทศ ฯลฯ
กินวิตามินซีมากกว่าวันละ 1,000 มิลลิกรัม
ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากเกินไป
โรคแทรกซ้อนจากการเป็นโรคเกาต์
โรคลำไส้อักเสบ เรื้อรัง
โรคอ้วนน้ำหนักมากเกินไป
โรคเบาหวาน
อาการที่กำลังบ่งบอกว่าเป็นนิ่วในไต ได้แก่
- ปวดเอวข้างที่มีก้อนนิ่ว
- ปวดหลังหรือช่องท้องช่วงล่างข้างใดข้างหนึ่ง
- ปวดเสียด ปวดบิดเป็นพัก ๆ
- มีไข้หนาว
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปัสสาวะขุ่นแดง
- ปัสสาวะเป็นเม็ดทราย
- ปัสสาวะแล้วเจ็บ
- ปัสสาวะบ่อย
- ปัสสาวะน้อย
- ปัสสาวะไม่ออก
- ปวดบิดในท้องรุนแรงถ้าก้อนนิ่วตกลงมาที่ท่อไต
***ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการแสดง
การตรวจวินิจฉัยนิ่วในไตต้องประเมินโดยแพทย์เฉพาะทางเป็นสำคัญ มีหลายวิธี ได้แก่
-ตรวจปัสสาวะ หากพบเม็ดเลือดแดงจำนวนมาก แพทย์อาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นนิ่วในไต
-ตรวจเลือด ผู้ป่วยนิ่วในไตมักมีปริมาณแคลเซียมหรือกรดยูริกในเลือดมากเกินไป
-เอกซเรย์ช่องท้อง ช่วยให้แพทย์เห็นก้อนนิ่วบริเวณทางเดินปัสสาวะ
-เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ช่วยให้แพทย์เห็นก้อนนิ่วขนาดเล็ก
-อัลตราซาวนด์ไต ช่วยตรวจหาก้อนนิ่วในไตได้ชัดเจน
ตรวจเอกซเรย์ไตด้วยการฉีดสี (IVP) เพื่อวิเคราะห์สาเหตุการเกิดนิ่วในไตและช่วยให้สามารถวางแผนเพื่อป้องกันการเกิดนิ่วในไตซ้ำ
***การตรวจวินิจฉัยอื่น ๆ เพิ่มเติมต้องเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์
ไตวาย ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
1.การซักประวัติแพทย์จะซักถามอาการ ระยะเวลาที่เริ่มเป็นมา บางครั้งใช้แบบสอบถามให้คะแนนอาการขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติ
- แพทย์ จะตรวจสอบต่อมลูกหมาก โดยสวมถุงมือใช้ยาหล่อลื่นคลำต่อมลูกหมาก เพื่อพิจารณาขนาด และลักษณะผิวนอก เพื่อแยกโรคมะเร็งต่อมลูกหมากออกจากโรคต่อมลูกหมากโต
3.การตรวจสอบสายปัสสาวะว่าขัดมากน้อยแค่ไหน และดูปริมาณปัสสาวะที่เหลือค้าง
4.ตรวจเอนไซม์ในเลือดชื่อ พี.เอส.เอ (PSA : Prostate Specific Antigen)
5.ตรวจสอบด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ สามารถวัดขนาดของต่อมลูกหมาก และตัดชิ้นเนื้อด้วยเข็มเล็ก ๆ เพื่อหาสาเหตุเมื่อค่า พี.เอส.เอ. สูงมากเกินไป
6.ตรวจสอบภายในด้วยกล้องส่องกระเพาะปัสสาวะ เมื่อมีความจำเป็น
หมายเหตุ : การวินิจฉัยข้อ 1-3 เป็นวิธีการขั้นต้นที่มีความจำเป็นก่อนที่จะพิจารณาการตรวจอื่น ๆ ตามความเหมาะสม
การรักษาและเทคโนโลยี
แชร์ :
บทความสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
ความประทับใจจากผู้ป่วย
Testimonial : คุณอาจไม่รู้ว่าคุณเป็น”นิ่ว” (การสลายนิ่วด้วยคลื่นกระแทก)
คนไข้มีอาการตัวร้อน คลื่นไส้ อาเจียน หาหมอที่อื่นแล้วก็ไม่หาย จนต้องเปลี่ยนมารักษาที่รพ.กรุงเทพพัทยา และแพทย์เฉพาะทางของเรา..ตรวจพบว่าอาการดังกล่าวเป็นอาการของ “นิ่ว”
Testimonial : Prostate Cancer (SubThai)
Mr.Hans ใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยมานาน และตรวจสุขภาพประจำปีที่รพ.กรุงเทพพัทยาเป็นประจำ เมื่อพบว่าตนเป็น “มะเร็งต่อมลูกหมากในระยะเริ่มต้น”