ตับอักเสบ (Hepatitis) คือภาวะที่เนื้อเยื่อตับถูกทำลายจากการติดเชื้อ หรือสารพิษบางชนิด จนเกิดอาการอักเสบ หากปล่อยไว้นานอาจลุกลามกลายเป็นโรคตับแข็ง และ มะเร็งตับ ได้ในที่สุด
ตับอักเสบเกิดจากอะไร?
3 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดตับอักเสบ ได้แก่
- ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ (เช่น A, B, C)
- ดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรัง
- Non Alcoholic Fatty Liver(NAFLD)
ไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิด ต่างกันอย่างไร?
- ไวรัสตับอักเสบเอ (HAV)
ติดต่อผ่านอาหาร-น้ำปนเปื้อน พบบ่อยในพื้นที่สุขอนามัยต่ำ มีวัคซีนป้องกัน - ไวรัสตับอักเสบบี (HBV)
แพร่ผ่านเลือด-เพศสัมพันธ์-แม่สู่ลูก พบผู้ติดเชื้อเรื้อรังในไทยกว่า 2 ล้านคน
– มีวัคซีนและควรฉีดตั้งแต่เด็ก ป้องกันจากแม่สู่ลูกได้ , มียาเพื่อรักษา ป้องกันตับอักเสบเรื้อรัง ตับวาย มะเร็งตับ - ไวรัสตับอักเสบซี (HCV)
ติดต่อผ่านเลือด เพศสัมพันธ์ การสัก การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ไม่มีวัคซีน แต่รักษาให้หายขาดได้ด้วยยา 3-6 เดือน - ไวรัสตับอักเสบดี (HDV)
จะติดเฉพาะในคนที่มีไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังเท่านั้น
– ป้องกันได้ทางอ้อมด้วยการฉีดวัคซีน HBV - ไวรัสตับอักเสบอี (HEV)
ติดต่อคล้าย HAV ปนเปื้อนในสัตว์บางชนิด พบได้ในบางประเทศ
อาการตับอักเสบ ที่ควรรีบพบแพทย์
- เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร คลื่นไส้
- ปัสสาวะสีเข้ม
- ตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน)
- มีไข้ต่ำ ๆ
ประมาณ60-80% ไม่มีอาการเลย จึงควรตรวจสุขภาพตับเป็นประจำ
ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ อันตรายกว่าที่คิด
การดื่มแอลกอฮอล์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะทำให้ตับอักเสบและเสี่ยงต่อ ไขมันพอกตับ → ตับแข็ง → มะเร็งตับ
แนะนำลดการดื่ม หรือหยุดดื่มเพื่อลดความเสี่ยง
วิธีป้องกันตับอักเสบ
- ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบ A และ B
- หลีกเลี่ยงเข็มฉีดยา ของมีคมร่วมกัน
- มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
- เลี่ยงแอลกอฮอล์
- ทานอาหารสะอาด ปรุงสุก
ตับอักเสบ คือจุดเริ่มต้นของโรคตับที่อันตรายที่สุด อย่ารอให้มีอาการ เพราะบางคนอาจรู้ตัวอีกทีเมื่อตับเสียหายไปแล้ว
บทความโดย: นพ. ณรงค์ฤทธิ์ ขุนภักดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร
ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา




