โรคมะเร็ง จัดเป็น 1 ใน 10 ของสาเหตุการตายของประชากรโลก และมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้ป่วยโรคมะเร็งอยู่ในประเทศที่กำลังพัฒนา องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่ามะเร็งที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต 5 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ใหญ่ และ มะเร็งเต้านม ถ้าจำแนกตามเพศพบว่า มะเร็งที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต 5 อันดับแรกในเพศชาย ได้แก่มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งหลอดอาหารตามลำดับ สำหรับในเพศหญิงได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งปากมดลูก ตามลำดับ องค์การอนามัยโลกได้ประมาณการณ์ไว้ว่าในปี 2563 จะมีประชากรโลกตายด้วยโรคมะเร็งมากกว่า 11.4 ล้านคน และอยู่ในประเทศกำลังพัฒนามากกว่า 7 ล้านคน
จากข้อมูลทะเบียนมะเร็งในประเทศไทย ใน Cancer in Thailand Vol.IV 1998-2000 พบว่า โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง พบเป็นอันดับ 3ในเพศชาย (รองจากมะเร็งตับและมะเร็งปอด) มีอุบัติการณ์คือ 8.8 ต่อประชากรแสนคน และเป็นอันดับ 5 ในเพศหญิง (รองจากมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ และมะเร็งปอด) โดยมีอุบัติการณ์7.6 ต่อประชากรแสนคน อายุที่พบส่วนใหญ่มากกว่า 50 ปี อย่างไรก็ตามจากข้อมูลใน หลายๆ โรงพยาบาลพบว่าแนวโน้มเริ่มเป็นในคนอายุน้อยลง หากวินิจฉัยได้เร็วและได้รับการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่ระยะแรกผู้ป่วยจะมีอัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปีถึงร้อยละ 90 แต่ถ้าเป็นระยะท้ายซึ่งมีการแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นๆ อัตราการรอดชีวิตเหลือเพียงร้อยละ10
มะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักมักเกิดจากติ่งเนื้อขนาดเล็ก ที่เรียกว่า โพลิป (Polyp) เป็นเซลล์เนื้อผิดปกติ ที่งอกจากผนังลำไส้ มีขนาดประมาณปลายนิ้วก้อย เนื่องจากขนาดที่เล็กของติ่งเนื้อ จึงทำให้ผู้ป่วยมักไม่มีอาการผิดปกติ โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 5-10 ปี ในการเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็งลำไส้ ซึ่งหากสามารถตรวจคัดกรองได้ตั้งแต่เริ่มแรกและทำการตัดรักษาได้จนหมดจะเป็นการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
สาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักได้แก่
- การรับประทานอาหารประเภทเนื้อแดง หรือเนื้อสัตว์แปรรูปอื่นๆ
- น้ำหนักตัวเกินมาตรฐานหรืออยู่ในภาวะอ้วน
- ขาดการออกกําลังกาย
- สูบบุหรี่
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจํา
- มีประวัติเนื้องอกที่ผนังลําไส้ใหญ่และไม่ใช่เนื้อร้าย
- ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลําไส้ใหญ่และทวารหนัก
อาการ
อาการที่พบมักขึ้นกับ ตำแหน่งของมะเร็งเช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ด้านขวา จะมีอาการอ่อนเพลีย ซีดจากการเสียเลือด เรื้อรัง น้ำหนักลด ปวดท้อง หรือคลำได้ก้อน ถ้ามะเร็งลำไส้ใหญ่ด้านซ้าย มาด้วยอาการ ปวดท้อง ถ่ายเป็นมูกเลือด ท้องผูกสลับท้องเสีย และถ้ามะเร็งอยู่ที่ทวารหนัก (rectum) อาจมีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายเป็นมูกเลือด ซีดลง ถ่ายไม่สุด ถ่ายลำเล็กลง ถ่ายเป็นเม็ดกระสุน จนถึงอุดตันจนถ่ายไม่ออก
การคัดกรองโรค เป็นวิธีการตรวจหาโรคก่อนที่จะมีอาการทางคลินิกหรือรอยโรคก่อนที่จะเป็นมะเร็ง (Precancerous)
- กลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก(High risk)
- ผู้มีญาติลำดับแรกเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ผู้ที่มีประวัติ Polyp
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง
- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง (Inflammatory bowel disease)
- กลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงปกติต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก (Average risk)
- ชายหรือหญิงที่อายุ 50 ปีขึ้นไป
- ไม่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคมะเร็ง
- ไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่น ได้แก่ ประวัติโรคลำไส้อักเสบ ulcerative colitis, polyp หรือ มะเร็งลำไส้ใหญ่
- ไม่มีอาการผิดปกติทางระบบลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่มีหลายวิธี
- ตรวจอุจจาระหาเลือดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ปีละครั้ง
- การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) ทุก 5 ถึง 10 ปี
- การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (Flexible sigmoidoscopy) ร่วมกับ การตรวจสวนแป้งลำไส้ใหญ่ (double contrast Barium enema) ทุก 5 ปี
- การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ด้วยภาพเสมือนจริง (Computed tomography colonoscopy) ทุก 5 ปี
ทั้งนี้การตรวจเม็ดเลือดแดงแฝงในอุจจาระ ด้วยวิธี Fecal Immunochemical Test (FIT) เป็นวิธีที่นิยมใช้กันในปัจจุบันเนื่องจากขั้นตอนในการเตรียมตัวไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่วิธีการตรวจคัดกรองที่เป็นที่ยอมรับที่สุดในปัจจุบัน คือ การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) เนื่องจากการตรวจด้วยวิธีนี้นอกจากจะให้ข้อมูลที่มีความแม่นยำที่สุดแล้ว ยังสามารถทำการรักษาในกรณีที่ตรวจพบความผิดปกติในลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย
Fecal Immunochemical Test (FIT)
การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่มี 3 วิธีหลักที่สำคัญได้แก่ การผ่าตัด รังสีรักษา และเคมีบำบัด
แนวทางการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
- รับประทานอาหารที่มีกากใยสูงเช่น ผักและผลไม้ รวมไปถึงอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันต่ำจะช่วยลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
- รับการตรวจคัดกรอง สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ในผู้ที่ไม่มีอาการและไม่มีปัจจัยเสี่ยงควรเริ่มต้นที่อายุ 50 ปี สำหรับผู้ที่มีประวัติมะเร็งลำไส้ใหญ่ในครอบครัว ควรเริ่มตรวจคัดกรองที่อายุ 40 ปี
บรรณานุกรม
- https://www.prachachat.net/advertorial/news-340782 วันที่ 22 กรกฎาคม 2563
- http://mkho.moph.go.th/mko/frontend/web/uploads/aa3bc8ca8ecf0131281d73194b666202.pdf วันที่ 30 กรกฎาคม 2563
- https://www.si.mahidol.ac.th/office_d/adm/gi_scope/colono.html วันที่ 30 กรกฎาคม 2563
- http://www.nci.go.th/th/cpg/download%20lumsai/02.pdf วันที่ 30 กรกฎาคม 2563
- https://www.chulacancer.net/patient-list-page.php?id=41 วันที่ 30 กรกฎาคม 2563