Skip to content

ตรวจเต้านมด้วยตัวเองกันเถอะ

วิธีตรวจหามะเร็งเต้านมที่คุณไม่ควรมองข้าม

มะเร็งเต้านมเป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิง และหากพบในระยะเริ่มต้น การรักษาก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถหายขาดได้ ดังนั้นการตรวจเต้านมด้วยตัวเองจึงเป็นหนึ่งในวิธีที่สำคัญในการค้นหาความผิดปกติและทำให้การรักษามีโอกาสประสบความสำเร็จสูงสุด

ทำไมการตรวจเต้านมด้วยตัวเองถึงสำคัญ?

การตรวจเต้านมด้วยตัวเองเป็นการตรวจหามะเร็งเต้านมที่สามารถทำได้ง่าย ๆ และมีประโยชน์มากในการตรวจจับมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การตรวจเต้านมเป็นประจำทุกเดือนจะช่วยให้คุณรู้จักลักษณะของเต้านมของคุณ และสามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การคลำพบก้อนหรือการมีอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเต้านมของคุณ

แนวทางการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม

การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมไม่ควรเป็นเพียงแค่การตรวจเต้านมด้วยตัวเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตรวจโดยแพทย์ และการตรวจด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น แมมโมแกรมและอัลตราซาวน์

  1. ตรวจเต้านมด้วยตัวเอง: ควรทำทุกเดือนตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป
  2. ตรวจเต้านมโดยแพทย์: ควรทำทุก 3 ปี ตั้งแต่อายุ 20 ปี และหลังจากอายุ 40 ปี ควรตรวจทุกปี
  3. การทำแมมโมแกรมหรืออัลตราซาวนด์: ควรเริ่มทำตั้งแต่อายุ 35-40 ปี และทุก 1-2 ปีหลังจากอายุ 40 ปี
  4. ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่: ควรเริ่มตรวจตั้งแต่อายุที่ญาติมีมะเร็ง

วิธีการตรวจเต้านมด้วยตัวเอง

การตรวจเต้านมด้วยตัวเองไม่ยากเลย โดยคุณสามารถทำได้ทุกเดือนตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

1. ตรวจในท่ายืนหน้ากระจก

ยืนหน้ากระจกแล้วสังเกตลักษณะของเต้านมทั้งสองข้าง เช่น ขนาด รูปร่าง สีผิว และตำแหน่งของเต้านม เปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

2. ยกแขนขึ้น

ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะทั้งสองข้าง แล้วตรวจดูที่เต้านมอีกครั้ง รวมทั้งมองบริเวณด้านข้างของเต้านมเพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลง

3. เท้าเอวแล้วโน้มตัว

ใช้มือเท้าเอวแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของเต้านมในมุมที่แตกต่าง

4. บีบที่หัวนม

ใช้นิ้วมือบีบที่หัวนมเบา ๆ เพื่อดูว่ามีเลือด หนอง หรือของเหลวออกมาจากหัวนมหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติ

5. คลำเต้านม

เริ่มคลำจากบริเวณกระดูกไหปลาร้า ใช้สามนิ้ว (นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง) ค่อย ๆ กดลงบนผิวหนังเบา ๆ และกดแรงขึ้นจนสัมผัสกระดูกซี่โครง โดยคลำให้ทั่วทั้งเต้านม ทิศทางการคลำสามารถทำได้หลายแบบ เช่น คลำจากหัวนมไปตามแนวก้นหอย หรือคลำจากใต้เต้านมถึงกระดูกไหปลาร้า ควรคลำให้ทั่วทั้งเต้านมรวมถึงบริเวณรักแร้

6. คลำในท่านอน

หลังจากคลำในท่ายืนแล้ว ให้เปลี่ยนมาคลำในท่านอน โดยหนุนหมอนที่ไหล่ข้างที่ต้องการคลำ จากนั้นคลำซ้ำเหมือนในท่ายืน

ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการตรวจเต้านม

  • ควรตรวจหลังประจำเดือนมา 7-10 วัน เพราะในช่วงนี้เต้านมจะนิ่มและไม่ค่อยมีอาการบวม
  • สำหรับผู้ที่ไม่มีประจำเดือนแล้ว ควรเลือกวันเดียวกันทุกเดือนในการตรวจ
  • การตรวจเต้านมด้วยตัวเองควรทำทุกเดือนและควรเป็นกิจวัตรที่ง่ายและรวดเร็ว

มะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับหนึ่งของมะเร็งในสตรี ปัจจัยที่ทำให้การรักษาได้ผลดีนั้นขึ้นอยู่กับระยะของโรคที่เป็น ถ้าเราพบได้ตั้งแต่ในระยะต้น ๆ ก็จะรักษาได้และหายขาดจากโรคอีกด้วย

การตรวจคัดกรองเพื่อหามะเร็งเต้านมระยะแรกเริ่ม มีแนวทางดังนี้

  • ตรวจเต้านมด้วยตนเอง อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เมื่ออายุ 20 ปี ขึ้นไป
  • ตรวจเต้านมโดยแพทย์ ทุก 3 ปี ตั้งแต่อายุ 20 ปี เป็นต้นไป หลังจากอายุ 40 ปี ควรได้รับการตรวจทุก 1 ปี
  • ควรทำแมมโมแกรม หรืออัลตราซาวน์ในช่วงอายุ 35 – 40 ปี 1 ครั้ง หลังจากอายุ 40 ปี ควรทำทุก 1 – 2 ปี
  • ในผู้ที่มีประวัติญาตสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งรังไข่ ควรเริ่มทำการตรวจตั้งแต่อายุที่ญาติเป็นลบออก 5 ปี
  • ในรายที่มีความเสี่ยงสูง หรือเต้านมมีความหนาแน่นมาก การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) จะช่วยให้มีการค้นพบมะเร็งให้มากขึ้นกว่าการทำ

แมมโมแกรม การตัดสินใจว่าจะตรวจหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง

การตรวจเต้านมด้วยตัวเอง

เป็นการตรวจที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ถ้าเราทำเป็นประจำจะเป็นการลงทุนทางสุขภาพที่มีความคุ้มค่ามากที่สุดโดย

  1. ตรวจเป็นประจำทุกเดือน
  2. ตรวจหลังประจำเดือนมา 7 – 10 วัน นับจากวันแรกของการมีประจำเดือน
  3. ตรวจวันเดียวกันของทุกเดือนถ้าคุณไม่มีประจำเดือนแล้ว

ตรวจเต้านมด้วยตัวเอง

วิธีการตรวจเต้านมด้วยตัวเอง

  1. ยืนหน้ากระจกแล้วดูที่เต้านมทั้ง 2 ข้าง แล้วสังเกตว่า ขนาดรูปร่าง สีผิว ตำแหน่งของเต้านม หัวนมเป็นอย่างไร และควรเทียบการเปลี่ยนแปลงกับเดือนก่อน
  2. หลังจากนั้นให้ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะทั้ง 2 ข้าง แล้วดูที่เต้านมอีกครั้ง ค่อยๆหมุนตัวช้าๆ เพื่อที่จะดูบริเวณด้านข้างของเต้านม
  3. ใช้มือเท้าเอวแล้วโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยดูความเปลี่ยนแปลงซ้ำอีกครั้ง
  4. ใช้นิ้วมือบีบที่หัวนมเบาๆ ดูว่ามีเลือด หนอง หรือน้ำไหลออกจากหัวนมหรือไม่
  5. เริ่มคลำเต้านม โดยคลำตั้งแต่กระดูกไหปลาร้าลงมา ใช้มือซ้ายคลำเต้านมข้างขวา ให้ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางทั้ง 3 นิ้ว ค่อยๆกดลงบนผิวหนังเบาๆ และกดแรงขึ้น จนกระทั่งสัมผัสกระดูกซี่โครง คลำเต้านมให้ทั่วทิศทาง การคลำทำได้หลายแบบ เช่น คลำเริ่มจากหัวนมไปตามแนวก้นหอยจนถึงฐานเต้านมบริเวณขอบ หรือคลำใต้เต้านมถึงกระดูกไหปราร้า ขยับนิ้วทั้ง 3 ในแนวเรียงแถวขึ้นลงสลับกันไป สิ่งที่สำคัญคือต้องคลำให้ทั่วเต้านมไปจนถึงบริเวณรักแร้ใต้วงแขน หลังจากนั้นให้เปลี่ยนคลำอีกข้างแบบเดียวกัน
  6. เมื่อเสร้จการคลำในท่ายืนแล้ว ให้เปลี่ยนเป็นคลำในท่านอน ใช้หมอนหนุนไหล่ข้างที่จะทำ แล้วคลำซ้ำเหมือนท่ายืน

การตรวจพบที่ต้องระวัง

  • คลำได้ก้อนเนื้อเต้านม หรือสงสัยว่ามีก้อนที่เต้านม
  • ผิวหนังบริเวณเต้านมแตก บวม แดง หรือร้อน
  • รูขุมขนที่ผิวหนังบริเวณเต้านมใหญ่ขึ้นเหมือนผิวเปลือกส้ม
  • ผิวหนังบุ๋ม หรือมีการหดรั้ง
  • มีการนูนของผิวหนัง
  • ปวดเต้านมมากกว่าปกติที่เคย
  • คัน มีผื่น โดยเฉพาะบริเวณหัวนม และลานหัวนม
  • หัวนมบุ๋ม
  • การชี้ของหัวนมเปลี่ยนทิศทาง
  • เลือดไหลหรือมีของเหลวผิดปกติออกจากหัวนม
  • มีแผลที่หายยากของเต้านม หัวนมและลานนม

“ถ้าตรวจพบอาการเหล่านี้ ควรรีบมาพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจโดยเร็ว”

ศูนย์เต้านมโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ให้บริการตรวจ รักษาความผิดปกติของเต้านม อาทิ ซีสต์ ก้อนเนื้อหรือถุงไขมัน และโรคมะเร็งเต้านม ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง อันประกอบด้วย ศัลยแพทย์เต้านม ศัลยแพทย์โรคมะเร็งเต้านม รังสีแพทย์ แพทย์ฉายแสง แพทย์เคมีบำบัด

บทความโดย: นพ. ฐาปนัสม์ ลิขิตมาศกุล
 
 
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์มะเร็งเต้านม
 
ศูนย์เต้านม  โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา
New call-to-action

แชร์ :

บทความสุขภาพที่เกี่ยวข้อง