Skip to content

การเจาะชิ้นเนื้อผิดปกติในเต้านม

หน้าแรก  >  บทความเกี่ยวกับสุขภาพ

การเจาะชิ้นเนื้อความผิดปกติในเต้านม (ก้อน หินปูน เนื้อเต้านมผิดรูปหรือหนาตัวผิดปกติ) ของศูนย์เต้านม รพ.กรุงเทพพัทยา

จากเดิมสามารถทำได้โดยการใช้เข็มตัดชิ้นเนื้อขนาดเล็ก (Core needle) มีอยู่ 2 วิธี ได้แก่​

  1. การเจาะชิ้นเนื้อโดยใช้เครื่องอัลตราซาวด์เป็นตัวช่วยระบุตำแหน่งความผิดปกติ (Ultrasound guided core needle biopsy) เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของเต้านม เช่น ก้อน ซีสต์ถุงน้ำ ที่เห็นได้ชัดเจนจากการตรวจอัลตราซาวด์เต้านม
  2. การเจาะชิ้นเนื้อโดยใช้เครื่องแมมโมแกรม 3 มิติเป็นตัวช่วยระบุตำแหน่งความผิดปกติ (Stereotactic guided core needle biopsy) สำหรับผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของเต้านม เช่น หินปูนขนาดเล็ก เนื้อเต้านมผิดรูปหรือหนาตัวผิดปกติ ที่เห็นจากการตรวจแมมโมแกรมเท่านั้น ไม่สามารถพบได้ในการตรวจอัลตราซาวด์

โดยทั้ง 2 วิธีนี้มีข้อจำกัดคือ เป็นการเจาะชิ้นเนื้อโดยการใช้เข็มตัดชิ้นเนื้อขนาดเล็ก (core needle) ที่ไม่ว่าจะใช้เครื่องอัลตราซาวด์หรือเครื่องแมมโมแกรม 3 มิติเป็นตัวช่วยระบุตำแหน่งความผิดปกตินั้น ทำได้เพียงวินิจฉัยโรค (Tissue diagnosis) เท่านั้น คือ สามารถตัดชิ้นเนื้อออกมาได้เพียงบางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมดของความผิดปกติดังกล่าว ซึ่งถ้าผลชิ้นเนื้อออกมาพบว่าเป็นมะเร็งเต้านม หรือ เป็นโรคที่สามารถพัฒนาเป็นมะเร็งได้ในอนาคต ก็ต้องทำการผ่าตัดรักษาเป็นขั้นตอนถัดไป ส่วนในกรณีผลชิ้นเนื้อออกมาไม่เป็นมะเร็ง ซึ่งตามจริงแล้วสามารถตรวจติดตามโดยไม่ต้องทำการผ่าตัดรักษา แต่ถ้าผู้ป่วยมีความกังวลไม่สบายใจหรือไม่อยากมีความผิดปกตินี้ในเต้านมอีกต่อไป แพทย์ก็สามารถผ่าตัดออกให้ตามที่ผู้ป่วยต้องการได้ แต่ถ้าไม่อยากผ่าตัดก้อนออกเพราะกลัวมีแผลเป็น หรือไม่อยากมีแผลหลายแผลถ้าก้อนมีจำนวนหลายก้อน จะมีวิธีการเอาก้อนออกวิธีอื่นหรือไม่ 

ล่าสุด.. ทางศูนย์เต้านม รพ.กรุงเทพพัทยา ได้มีนวัตกรรมในการผ่าตัดเจาะดูดก้อนในเต้านมรูปแบบใหม่โดยใช้ เข็มเจาะดูดชิ้นเนื้อระบบสุญญากาศ (Vacuum Assisted Breast Biopsy [VABB]) ซึ่งจะมาช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ป่วยในกลุ่มนี้ คือ กลุ่มที่ผลชิ้นเนื้อของก้อนในเต้านมออกมาไม่เป็นมะเร็ง หรือ ก้อนและความผิดปกติที่สงสัยมะเร็งเต้านมต่ำ (BIRADS 2-3) โดยเข็มเจาะดูดชิ้นเนื้อระบบสุญญากาศซึ่งจะประกอบไปด้วยตัวเข็มเจาะดูดชิ้นเนื้อ (Vacuum needle) และเครื่องระบบสุญญากาศสามารถตัดชิ้นเนื้อตรงที่มีความผิดปกติออกมาได้ทั้งหมด ไม่ว่าความผิดปกตินั้นจะเป็นก้อน ซีสต์ถุงน้ำ หินปูน กลุ่มหินปูน เนื้อเต้านมผิดรูปหรือหนาตัวผิดปกติ และถ้าผลชิ้นเนื้อออกมาไม่เป็นมะเร็งเต้านม ก็ถือว่าได้ทั้งการวินิจฉัยและรักษาโรคไปในการเจาะชิ้นเนื้อคราวเดียวกัน 

ปล. แต่ถ้าผลชิ้นเนื้อออกมาหลังใช้เข็มเจาะดูดชิ้นเนื้อระบบสุญญากาศ พบว่าเป็นมะเร็งเต้านม หรือ เป็นโรคที่สามารถพัฒนาเป็นมะเร็งได้ในอนาคต ก็ต้องทำการผ่าตัดรักษาตามขั้นตอนต่อไป

กลุ่มผู้ป่วยที่เหมาะสมกับการใช้เข็มเจาะดูดชิ้นเนื้อระบบสุญญากาศนี้ควรมีความผิดปกติในเต้านมที่มีลักษณะ ดังนี้

  1. ขนาดก้อนหรือความผิดปกติตั้งแต่ 0 ถึง 2 เซนติเมตร (ไม่ควรเกิน 3 เซนติเมตร)
  2. สงสัยมะเร็งเต้านมน้อย (ผลแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์เต้านม BIRADS 2-3)

โดยผู้ป่วยที่มีปัญหาเลือดแข็งตัวผิดปกติหรือโรคเลือดควรผ่านการพิจารณาโดยละเอียดของแพทย์ก่อนทำหัตถการ

สรุปข้อดีของเข็มเจาะดูดชิ้นเนื้อเต้านมด้วยระบบสุญญากาศ (Vacuum Assisted Breast Biopsy [VABB] or Vacuum Breast Biopsy) ได้แก่

  1. วินิจฉัยและรักษาโรคได้ในครั้งเดียวกัน
  2. ไม่มีแผลเป็นขนาดใหญ่เหมือนการผ่าตัด (ขนาดแผล 0.3-0.5 เซนติเมตร)
  3. ไม่ต้องดมยาสลบ ไม่ต้องนอนพักที่โรงพยาบาล สามารถทำในแผนกผู้ป่วยนอกได้ (OPD) และกลับบ้านได้ทันทีหลังทำหัตถการ
  4. เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว

บทความสุขภาพโดย

นพ.ฐาปนัสม์ ลิขิตมาศกุล
ศัลยแพทย์เต้านม ศูนย์เต้านม รพ.กรุงเทพพัทยา

New call-to-action

แชร์ :

บทความสุขภาพที่เกี่ยวข้อง