โรคลมชัก
โรคลมชักเป็นโรคที่เกิดจากกลุ่มอาการชักอันเนื่องมาจาก การที่สมองส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดทำงานมากเกินปกติไปจากเดิมชั่วขณะ จากไฟฟ้าของการชักเกิดขึ้นและกระจายออกไปในบริเวณส่วนต่างๆของสมอง อาการแสดงที่เกิดขึ้นนั้น ขึ้นกับว่าเป็นส่วนใดของสมองที่ได้รับการกระตุ้นและอาการจะดำเนินอยู่ชั่วครู่
- ความผิดปกติทางด้านโครงสร้างสมอง สาเหตุจากรอยโรคในสมองได้แก่ แผลเป็นที่ฮิปโปแคมปัส (สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำ), เนื้องอกสมอง, เส้นเลือดสมองผิดปกติ, หลังการได้รับบาดเจ็บทางสมอง, การขาดอ็อกซิเจนหลังคลอดจากการคลอดลำบาก
- พันธุกรรม ได้แก่ กลุ่มอาการที่เด่นชัดและเริ่มเกิดโรคลมชักตามอายุ, ความผิดปกติทางระบบประสาทร่วมกับผิวหนัง, เซลล์สมองพัฒนาผิดรูปบางชนิด
- สาเหตุจากโรคติดเชื้อ เช่น ไข้สมองอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส, แบคทีเรีย, การติดเชื้อโปรโตซัวหรือพยาธิในสมอง
- สาเหตุจากภาวะเมตตาบอลิซึม เช่นภาวะความไม่สมดุลของสารน้ำ, เกลือแร่และน้ำตาล ได้แก่ภาวะระดับเกลือโซเดียมในเลือด และระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงหรือต่ำเกินไปเป็นต้น
- สาเหตุจากภูมิคุ้มกัน เป็นสาเหตุที่เกิดจากภาวะภูมิคุ้มกันของตนเองเช่นโรคไข้สมองอักเสบบางชนิด Rasmussen encephalitis, Limbic encephalitis และโรคภูมิคุ้มกันต่อต้านตนเอง (SLE) เป็นต้น
- ยังไม่ทราบสาเหตุ (Unknown) ได้แก่ โรคลมชักที่ไม่พบรอยโรคในสมอง (Non-lesional epilepsy)
- Focal Onset (มีจุดกำเนิดคลื่นไฟฟฟ้าเฉพาะที่)
- Generalized Onset (มีจุดกำเนิดคลื่นไฟฟ้าทั่วสมอง)
- Unknown Onset (ไม่ทราบจุดกำเนิดคลื่นไฟฟ้าสมองผิดปกติ)
Unclassified (ไม่สามารถระบุชนิดอาการชักได้)
- อาการชักเฉพาะที่ (ทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว) โดยกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติอาจรบกวนสมองส่วนที่ควบคุมการทำงานแห่งใดแห่งหนึ่งในร่างกาย ทำให้เกิดอาการต่างๆ โดยที่ยังไม่รู้ตัว เช่น อาการชา หรือกระตุกของแขนขาหรือใบหน้าข้างใดข้างหนึ่งเป็นซ้ำๆ โดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ นอกจากนี้อาจมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง หวาดกลัวความรู้สึกแปลกๆ ความรู้สึกเหมือนฝัน หูแว่ว เห็นภาพหลอน หรือหัวใจเต้นผิดปกติ
- อาการชักแบบเหม่อลอย ผู้ป่วยมักจะมีอาการเตือนนำมาก่อนเหมือนดังที่กล่าวมาแล้ว ตามด้วยอาการเหม่อลอยผู้ป่วยมักจะทำปากขมุบขมิบหรือเคี้ยวปากหรือมือเกร็งหรือขยับไปมา อาจคลำตามเสื้อผ้าอย่างไม่รู้ตัว เคลื่อนไหวแขนขาอย่างไร้จุดหมายโดยไม่รับรู้สิ่งรอบข้างแล้ว โดยที่จำเหตุการณ์ระหว่างนั้นไม่ได้ อาการเหม่อลอย จะนานประมาณไม่กี่วินาที จนถึงหลายๆ นาทีหลังจากนั้นผู้ป่วยมักจะมีอาการสับสน ในผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการพูดไม่ได้หรือยกแขนข้างใดข้างหนึ่งไม่ได้อีกหลายนาทีกว่าจะตื่นเป็นปกติ
- อาการชักแบบเกร็งกระตุกทั้งตัว (Focal to bilateral tonic-clonic) เกิดจากการที่กระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติรบกวนเวลาการทำงานของสมองทั้งหมด จะเกิดอาการชักที่เรียกว่า “อาการชักทั่วทุกส่วน” หรือที่เรียบว่าลมบ้าหมู ชนิดที่พบบ่อยคือ อาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว ผู้ป่วยจะสูญเสียความรู้สึกตัวทันที และล้มลงกล้ามเนื้อจะแข็งเกร็งทั่วทั้งตัวตาจะเหลือกค้าง น้ำลายฟูมปาก อาจจะกัดลิ้นตนเองหรือปัสสาวะราด ระยะเวลาชักนานประมาณ 2-3 นาที หลังชักมักจะเพลียและนอนหลับหลังจากหยุดชัก
- อาการชักแบบเหม่อนิ่ง (Absence) พบได้บ่อยในวัยเด็ก อาการจะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นมาก ผู้ป่วยจะจ้องไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายเป็นระยะเวลาสั้นๆ คล้ายเหม่อประมาณ 2-3 วินาที แล้วกลับมาทำสิ่งที่ค้างอยู่ต่อไปโดยมักไม่มีการเคลื่อนไหวแขนขา
โรคลมชักบางชนิดเช่นโรคลมชักเฉพาะที่ ที่ยังคุมอาการได้ไม่ดี และมีอาการชักแบบเกร็งกระตุกทั้งตัวบ่อยๆ เช่น มากกว่า 4 ครั้งต่อเดือน ผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงที่จะชักต่อเนื่อง หรือชักจนเสียชีวิตได้
เราจะสามารถช่วยเหลืออะไรผู้ป่วยได้บ้าง ? และหากผู้ป่วยรู้สึกตัวแล้วเราควรทำอย่างไร ?
ต้องตั้งสติให้ดีตะโกนเรียกผู้อื่นให้ช่วยโทรแจ้งขอความช่วยเหลือแล้วรีบเข้าไปประคองตัวผู้ป่วยและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างระมัดระวังได้แก่
- จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนตะแคงทางด้านขวา
- ป้องกันผู้ป่วยจากอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ
- หากสวมแว่นตาหรือฟันปลอมควรถอดแว่นตาหรือฟันปลอมออก (ถ้าทำได้ง่าย)
- เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกห่างจากบริเวณที่อาจเกิดอันตราย เช่น ท้องถนน เสาไฟฟ้า ที่สูง หรือบ่อน้ำ
- ห้ามผูกมัด หรือ กดตัวผู้ป่วย หรือทำวิธีใดๆ ให้ผู้ป่วยหยุดชัก (ไม่งัด ไม่ง้าง ไม่ถ่าง ไม่กด)
- ไม่ควรทิ้งผู้ป่วยไว้ตามลำพังขณะชักหรือหลังชักใหม่ๆ
- ไม่ควรให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารทันทีหลังชักใหม่ๆ
- ดูแลอาการสับสนระหว่างชัก หรือหลังชักจนกว่าจะหายไปเอง
- ไม่ควรเร่งให้ผู้ป่วยยืนหรือเดินขณะพักฟื้น ถ้าผู้ป่วยหลับให้พักจนเพียงพอ (การรีบปลุกอาจทำให้ผู้ป่วย สับสนและอาละวาด หรืออาจเกิดการชักซ้ำได้)
การรักษาและเทคโนโลยี
แชร์ :
ความประทับใจจากผู้ป่วย
Stroke Pathway : การสวนลากลิ่มเลือด Mechanical Thrombectomy โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา
การรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันเฉียบพลันด้วยวิธี Mechanical Thrombectomy และการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินด้วยระบบ Stroke Fast Track ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา
หลอดเลือดสมองโป่งพองขนาดใหญ่และแตก : Stroke เคสยากและซับซ้อน คนไข้กลับมาเดินได้ภายใน 1 เดือน
คนไข้มารพ.ด้วยอาการแขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ได้ ซึ่งเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน และพอได้รับการวินิจฉัยปรากฏว่าเจอหลอดเลือดสมองโป่งพองขนาดใหญ่..รอเวลาแตก และนาทีวิกฤต..ที่ทีมแพทย์จะต้องช่วยกันผ่าตัดรักษาหลอดเลือด