การตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย H.pylori ในกระเพาะอาหาร (C-13 Urea Breath Test)
เชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori ( H. pylori ) ในกระเพาะอาหาร เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดพยาธิสภาพในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น นอกจากนี้เชื้อแบคทีเรีย H.pylori ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคมะเร็งกระเพาะอาหารอีกด้วย การตรวจสามารถทำได้โดยการเป่าลมใส่ในอุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นถุงเล็ก ๆ จำนวน 2 ถุงโดยไม่ต้องส่องกล้อง ซึ่งใช้ระยะเวลาในการตรวจ 20 นาที ใช้ระยะเวลาวิเคราะห์ผลด้วยเครื่องอ่านผลเพียง 30 นาที เพื่อวัดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ (13 Co2) ที่เกิดจากปฏิกิริยาของเชื้อบคทีเรีย H.pylori ที่มี เอนไซม์ Urease เข้าสู่กระแสเลือดถูกขับมาที่ปอด และขับออกสู่ภายนอกโดยลมหายใจ ใช้หลักการ IR Spectrophotometer ซึ่งมีความแม่นยำถึง 95-100%
ปัจจุบันการตรวจหาเชื้อ H. pylori นั้นมีหลายวิธี ได้แก่
- การตรวจ Urea test จากชิ้นเนื้อ( biopsy )ที่ได้จากการส่องกล้องตรวจ ทางเดินอาหารส่วนบน (Gastroscopy)
- การตรวจ histology ซึ่งต้องอาศัยการย้อมพิเศษ
- การตรวจด้วย Culture และ serology ซึ่งปัจจุบันไม่เป็นที่นิยม
ในปัจจุบันยังไม่มีรายงานถึงผลข้างเคียงหรืออันตรายจากการตรวจเนื่องจากเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง สามารถตรวจได้ในเด็กและสตรีมีครรภ์ หากมีอาการปวดท้องบ่อย แล้วไม่ได้รับการตรวจเพื่อหาเชื้อ อาจความเสี่ยงในการเกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ , แผลในกระเพาะอาหาร , แผลในลำใส้เล็กส่วนต้น , มะเร็งกระเพาะอาหาร ได้ในอนาคต
ภาวะติดเชื้อแบคทีเรีย H. pylori ในกระเพาะอาหารยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญในประชากรไทย พฤติกรรมการดำเนินชีวิต การบริโภคอาหาร การอยู่อาศัยใน พื้นที่ชุมชน สิ่งแวดล้อมที่แออัด หรืออยู่ร่วมกับบุคคลที่ติดเชื้อแบคทีเรียในการเพาะอาหารแต่ไม่แสดงอาการ ล้วนมีความเสี่ยงอย่างยิ่ง เชื้อแบคทีเรีย H. pylori ทำให้เกิดโรคและภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายต่อร่างกายได้หลายประการ ทั้งนี้เมื่อตรวจพบเชื้อแบคทีเรีย H. pylori ควรตั้งใจรักษาด้วย ยาปฏิชีวนะและควรได้รับการตรวจพิสูจน์เชื้อซ้ำเพื่อยืนยันว่าหายจากภาวะติดเชื้อแล้ว ทั้งนี้เพื่อหวังผลป้องกัน โอกาสกลับมาเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารซ้ำ รวมทั้งลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารอีกด้วย
แชร์ :