Skip to content

ปัจจัยเสี่ยงโรคมะเร็งปอดที่ควรรู้ คำแนะนำในการป้องกันและตรวจพบโรค

มะเร็งปอด
มะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในโลก และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากมะเร็งสูงที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้มากถึง 1 ใน 5 ของผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมด ในประเทศไทยมะเร็งปอดเป็นโรคที่พบสูงสุดในผู้ชาย และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากมะเร็งในทั้งเพศชายและหญิง แต่มีสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อป้องกันและตรวจพบมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้น ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดมากขึ้น

ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอด

  1. การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งปอด โดยประมาณ 85-90% ของผู้ป่วยมะเร็งปอดเกิดจากการสูบบุหรี่หรือการสัมผัสกับควันบุหรี่ ทั้งผู้ที่สูบเองและผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการสูบบุหรี่
  2. อายุ มะเร็งปอดมักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุประมาณ 70 ปีขึ้นไป ซึ่งอาจมีการสะสมความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆ มากขึ้น
  3. การสัมผัสกับก๊าซเรดอ ก๊าซเรดอนเป็นธาตุกัมมันตรังสีที่มีอยู่ในธรรมชาติ และสามารถสะสมในอากาศภายในอาคารบ้านเรือน การสัมผัสก๊าซเรดอนมีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งปอดในผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
  4. การสัมผัสสารก่อมะเร็ง การสัมผัสสารเคมีต่าง ๆ เช่น แร่ใยหิน ควันจากท่อไอเสีย หรือสารเคมีบางชนิด เช่น อาเซนิค หรือยูเรเนียม อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดได้
  5. การรักษาด้วยการฉายแสงที่ทรวงอก ผู้ที่เคยรับการรักษาด้วยการฉายแสงที่ทรวงอก เช่น ในการรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkin หรือมะเร็งเต้านม อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเป็นมะเร็งปอดในภายหลัง
  6. ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด บุคคลที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นมะเร็งปอดมีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งปอดเอง เนื่องจากมีปัจจัยทางพันธุกรรมที่อาจส่งผลต่อการเกิดโรค
  7. มลภาวะทางอากาศ มลภาวะทางอากาศโดยเฉพาะควันจากการเผาไหม้ต่างๆ เช่น ควันจากยานพาหนะหรือโรงงาน ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งปอด

อาการแสดงเบื้องต้นของโรคมะเร็งปอด

อาการของมะเร็งปอดมักไม่แสดงออกในระยะเริ่มต้น และมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาการของโรคอื่น ๆ หรือผลจากการสูบบุหรี่ การที่ผู้ป่วยพบอาการในระยะเริ่มต้นจะทำให้การรักษามีโอกาสสำเร็จมากขึ้น ดังนั้นหากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรพบแพทย์เพื่อการตรวจวินิจฉัยทันที
  1. ไอเรื้อรัง ไอที่ไม่หายหรือไอที่มีเลือดปนออกมา อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งปอด
  2. เจ็บหน้าอก อาการเจ็บหน้าอกอาจเป็นผลจากการที่เนื้องอกในปอดเริ่มลุกลาม
  3. หายใจลำบาก หากรู้สึกหายใจไม่สะดวก หายใจสั้น อาจบ่งบอกถึงมะเร็งปอด
  4. น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วโดยไม่มีเหตุผลชัดเจนเป็นอาการที่พบในผู้ป่วยมะเร็งปอด
  5. เหนื่อยง่าย อ่อนแรง การรู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนแรงโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนก็เป็นอาการที่ควรระวัง

การตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งปอด

การตรวจพบมะเร็งปอดตั้งแต่ในระยะต้นจะเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้ การวินิจฉัยโรคมะเร็งปอดสามารถทำได้โดยใช้เทคนิคต่าง ๆ ดังนี้
  1. การตรวจด้วยซีทีสแกน (CT Scan) การตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือซีทีสแกนสามารถช่วยให้แพทย์เห็นตำแหน่งและขนาดของก้อนเนื้อที่ผิดปกติในปอดได้
  2. การใช้เครื่อง PET Scan (Positron Emission Tomography Scan) การฉีดสารกัมมันตภาพรังสีที่รวมกับน้ำตาลเข้าไปในร่างกาย ทำให้สามารถมองเห็นเซลล์มะเร็งได้ชัดเจนกว่า และใช้ประเมินระยะของโรค
  3. การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy) การตัดชิ้นเนื้อจากปอดเพื่อนำไปตรวจสอบเป็นวิธีที่ช่วยยืนยันการวินิจฉัย โดยสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การใช้เข็มเล็กเจาะชิ้นเนื้อ หรือการส่องกล้องภายในหลอดลม

การรักษาและพยากรณ์โรค

การรักษามะเร็งปอดขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของโรค รวมถึงระดับความสามารถของผู้ป่วยในการรับการรักษา
  • มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small Cell Lung Cancer): การรักษาด้วยเคมีบำบัดร่วมกับการฉายแสงมักได้ผลดีที่สุดในผู้ป่วยที่ยังไม่แพร่กระจาย
  • มะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer): การรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรค ซึ่งอาจรวมถึงการผ่าตัด เคมีบำบัด หรือการรักษาด้วยยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) และการฉายแสง
การทราบถึงปัจจัยเสี่ยงและอาการของมะเร็งปอดมีความสำคัญอย่างยิ่งในการตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้น การป้องกันจากปัจจัยเสี่ยงที่สามารถควบคุมได้ เช่น การหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และมลภาวะทางอากาศ รวมถึงการตรวจสุขภาพและการตรวจคัดกรองเป็นประจำจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษามะเร็งปอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
 
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา

 
ศูนย์โรคมะเร็งและโรคเลือด โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา
New call-to-action

แชร์ :

บทความสุขภาพที่เกี่ยวข้อง