อาการปวดศีรษะ เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย
ซึ่งบางครั้งอาจเป็นเพียงอาการชั่วคราวจากความเครียดหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
แต่ในบางกรณี อาการนี้อาจเป็น สัญญาณเตือนจาก “สมอง” ถึงภัยร้ายที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว
อาการที่ดูเหมือนไม่รุนแรง อย่าง ปวดหัวศีรษะท้ายทอย หรือ ปวดหัวศีรษะรุนแรงข้างเดียว อาจเป็นสัญญาณของโรคที่เกี่ยวข้องกับสมอง เช่น เนื้องอกในสมอง (Tumor) หรือ โรคหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) ที่หากปล่อยไว้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
สมอง กับความซับซ้อนของอาการปวดศีรษะ
สมอง เป็นอวัยวะที่ซับซ้อนและไวต่อความผิดปกติใดๆ แม้การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในโครงสร้างหรือการไหลเวียนของเลือดก็สามารถก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะได้หลายรูปแบบ เช่น
- ปวดศีรษะท้ายทอย ที่สัมพันธ์กับความดันโลหิตสูง หรือความเครียดสะสม
- ปวดศีรษะข้างเดียว ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของไมเกรน หรือสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้น คือ อาการจาก
เนื้องอกในสมอง
ประเภทของอาการปวดศีรษะที่ควรระวัง
ไม่ใช่ทุกอาการปวดศีรษะจะน่ากังวล แต่หากมีลักษณะต่อไปนี้ ควรพบแพทย์ทันที:
- ปวดศีรษะแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
- ปวดศีรษะรุนแรงทันทีโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ปวดศีรษะข้างเดียว บ่อยครั้งจนรบกวนชีวิตประจำวัน
- ปวดศีรษะร่วมกับอาการอื่น เช่น ชัก คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีปัญหาทางสายตา
ความเกี่ยวข้องของ ปวดศีรษะ กับ Tumor (เนื้องอกในสมอง)
หนึ่งในภัยเงียบที่อาจแฝงอยู่ในอาการปวดหัวศีรษะก็คือ เนื้องอกในสมอง
อาการที่พบบ่อย ได้แก่:
- ปวดศีรษะมากตอนเช้ามืด, ตอนกลางคืน
- ปวดศีรษะมากขึ้นเมื่อไอ จาม หรือเปลี่ยนท่าทาง
- ปวดศีรษะเรื้อรังและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
- มีอาการทางประสาทร่วม เช่น แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด หรือความจำเสื่อม
เนื้องอกในสมอง เป็นโรคที่มีโอกาสพบได้น้อย แต่หากปล่อยไว้อาจลุกลามและกดทับเนื้อสมอง จนส่งผลร้ายแรงถึงชีวิตได้
เนื้องอกที่พบบ่อยโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ คือ เนื้องอกที่แพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่น ผู้ป่วยที่เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งชนิดต่างๆ เข่น มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น จะมีโอกาสเกิดการแพร่กระจายมาที่สมองได้บ่อย
Hemorrhagic Stroke – โรคหลอดเลือดสมองแตก กับอาการ ปวดศีรษะรุนแรงข้างเดียว
โรคหลอดเลือดสมองแตก เป็นภาวะที่หลอดเลือดในสมองแตก ทำให้เลือดไหลออกสู่เนื้อสมอง
อาการมักเกิดขึ้นแบบฉับพลัน โดยอาการที่สังเกตได้ ได้แก่:
- ปวดศีรษะรุนแรง อย่างฉับพลัน
- หมดสติ
- ชัก
- แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกกะทันหัน
- พูดลำบาก หรือพูดไม่ได้
หากพบอาการเหล่านี้ ต้องรีบพาส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว เพราะการช่วยเหลือทันเวลาเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความรุนแรงของโรค
ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสเกิดโรคเกี่ยวกับ สมอง
- ความดันโลหิตสูง
- การสูบบุหรี่
- พันธุกรรม
- ภาวะเครียดสะสม
- อายุที่มากขึ้น
- การใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป
การวินิจฉัยอาการปวดศีรษะ และโรคที่เกี่ยวข้องกับสมอง
การตรวจวินิจฉัยมีหลายวิธี เช่น
- ตรวจวัดความดันโลหิต
- การตรวจระบบประสาท
- CT Scan หรือ MRI เพื่อดูโครงสร้างของสมอง
- การเจาะน้ำไขสันหลัง (ในบางกรณี)
การวินิจฉัยที่แม่นยำและรวดเร็วช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้ตรงจุด และช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทันเวลา
เมื่อไรควรพบแพทย์?
หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรพบแพทย์ทันที:
- ปวด ศีรษะรุนแรง อาเจียนพุ่ง
- อาการปวดศีรษะแปลกไปจากเดิม
- ปวดศีรษะร่วมกับมีไข้สูงหรือคอแข็ง
- มีอาการชัก หรือหมดสติ
สรุป
อย่ามองข้ามอาการปวดศีรษะธรรมดา เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของภัยเงียบที่เกี่ยวข้องกับ สมอง อย่างเช่น เนื้องอกในสมอง หรือ โรคหลอดเลือดสมองแตก ที่ร้ายแรงถึงชีวิต
นอกจากภาวะฉุกเฉินดังกล่าวแล้ว โรคทางระบบประสาทที่ไม่รุนแรง แต่หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสมอาจจะลุกลามและรุนแรงขึ้นในภายหลังได้ และแม้ว่าจะไม่ได้ลุกลามจนเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อาการต่างๆอาจทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมาน สูญเสียคุณภาพชีวิตหรือประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก เช่น อาการปวดศีรษะเรื้อรัง ปวดคอ ปวดท้ายทอย วิงเวียน เป็นต้น หรือหากได้รับการตรวจและรักษามาแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น หรือไม่ทราบการวินิจฉัยโรคที่แน่นอน
หากคุณหรือคนรอบตัวมีอาการ ปวดศีรษะท้ายทอย หรือ ปวดศีรษะรุนแรงข้างเดียว ควรรีบพบแพทย์เพื่อการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำ การรู้ทันอาการ วินิจฉัยไว และรับมืออย่างถูกต้อง คือกุญแจสำคัญในการรักษาโรคร้ายแรงที่ซ่อนอยู่ภายในศีรษะของคุณค่ะ

บทความโดย 


