ศูนย์บำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง

อาคาร C ชั้น 1

วันจันทร์ - วันศุกร์
09.00 - 17.00 น.

เป็นห้องที่ให้การรักษาพยาบาลด้วยการนำออกซิเจนความดันสูงมาบำบัดโรค (Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBOT)

เป็นการรักษาผู้ป่วยด้วยการให้ออกซิเจนที่มีลักษณะพิเศษ คือให้ผู้ป่วยหายใจด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% ขณะอยู่ในห้องปรับความดันบรรยากาศสูง (Hyperbaric Chamber) ที่มีความดันภายในสูงกว่า 1 บรรยากาศ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนในปริมาณที่สูงมากกว่าการให้ออกซิเจนตามปกติ

HBOT เป็นนวัตกรรมที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้รักษาความเจ็บป่วยของนักดำน้ำ นักบิน มนุษย์อวกาศ และบุคคลที่ทำงานในอุโมงค์หรือเหมืองใต้ดินลึก ๆ ที่ต้องทำงานเกี่ยวกับความกดดันบรรยากาศ และด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ แพทย์สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้รักษาโรคทั่วไปหลายชนิดให้ได้ผลดีกว่าเดิม และคงยังมีการศึกษาที่จะนำไปใช้รักษาโรคอื่น ๆ อีกหลายชนิด

ออกซิเจนเป็นสารที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต หากขาดออกซิเจนเพียงไม่กี่นาที ก็ทำให้สมองตาย และเสียชีวิตได้ เมื่อหายใจ อากาศเข้าสู่ปอด ออกซิเจนจะซึมผ่านผนังถุงลมและหลอดเลือดฝอยไปละลายในเลือด และจับกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง หัวใจจะทำหน้าที่เสมือนปั๊มสูบเลือดที่ได้รับออกซิเจนจากปอดและฉีดไปตามเส้นเลือดแดงสู่อวัยวะต่าง ๆ จนถึงเส้นเลือดฝอยที่แผ่กระจายเป็นร่างแหในเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย เพื่อส่งออกซิเจนให้เซลต่างๆ ได้ใช้ เส้นเลือดฝอยเหล่านี้จะรวมกันเป็นเส้นเลือดดำ นำเลือดที่มีคาร์บอนไดออกไซด์สูงกลับไปรับออกซิเจนกลับมาใหม่

ร่ายกายเราต้องรักษาระดับออกซิเจนในเนื้อเยื่อให้พอเพียงอยู่เสมอ เนื้อเยื่อสมองและหัวใจจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนมากกว่าเนื้อเยื่ออื่น ๆ จึงมีเลือดมาเลี้ยงมาก ถ้าคุณเคยลืมการหายใจบ่อย ๆ เผลอหยุดหายใจบ่อย ๆ จะมีอาการปวดศีรษะ เพราะสมองขาดเลือด ถ้าขาดนาน ๆ สมองจะบวมได้ หากเกิดภาวะพร่องออกซิเจนในเนื้อเยื่อด้วยเหตุใดก็ตาม จะทำให้เซลล์ต่าง ๆ หยุดทำงานหรือตายได้

นอกจากออกซิเจนจะเป็นสารที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตแล้ว ออกซิเจนยังเป็น “ยา”ที่ใช้กันแพร่หลายด้วย โรคหลายชนิดและการบาดเจ็บทำให้เกิดภาวะพร่องออกซิเจน ซึ่งแพทย์จะพยายามแก้ไขโดยการเพิ่มเปอร์เซนต์ออกซิเจนในอากาศที่ผู้ป่วยหายใจให้สูงขึ้น แต่ในบางกรณี แม้จะเพิ่มออกซิเจนถึง 100% แล้ว ก็ยังไม่สามารถแก้ไขภาวะพร่องออกซิเจนได้ ในสถานการณ์นี้ HBOT คือทางเลือกที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ขณะบำบัดด้วย HBOT ออกซิเจนในเลือดจะเพิ่มขึ้นทันทีตามความลึกที่เพิ่มขึ้นที่ระดับ 3 บรรยากาศ ความลึกประมาณ 60 ฟุต ออกซิเจนจับกับเม็ดเลือดแดงได้ดี และละลายอยู่ในเลือดสูงกว่าปกติถึง 20 เท่า จึงสามารถแก้ภาวะพร่องออกซิเจนได้ดีและออกฤทธิ์โดยลดการบวมของเนื้อเยื่อ ส่งเสริมให้มีการซ่อมแซมบาดแผลและพบว่า จะมีการสร้างเส้นเลือดฝอยใหม่ ๆ ขึ้นมา ช่วยเม็ดเลือดขาว กำจัดเชื้อโรคและช่วยทำลายหรือยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ต่าง ๆ

กลไกที่สำคัญที่สุดซึ่งค้นพบไม่นานมานี้ คือการเพิ่มขึ้นของเซลล์ต้นกำเนิด (Stem cells) ในกระแสเลือด 8 เท่าของภาวะปกติ เซลล์ต้นกำเนิดนี้ จะไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ชำรุดทั่วไปในร่างกาย โดยเฉพาะส่วนที่มีพยาธิสภาพ

  • รักษาการเจ็บป่วยจากการดำน้ำ คือโรคลดความกดไม่เพียงพอ (โรคน้ำหนีบ)และโรคที่เกิดจากฟองก๊าซอุดเส้นเลือดสมอง (AGE Arterial Gas Embolism)
  • แก้ภาวะสมองไขสันหลังบวมและเนื้อเยื่อขาดออกซิเจนหลังบาดเจ็บ
  • ลดการบวมช้ำบริเวณแผลผ่าตัด
  • รักษาการติดเชื้อของกล้ามเนื้อชนิดรุนแรงและการติดเชื้อของกระดูกชนิดเรื้อรัง
  • รักษากระดูกและเนื้อเยื่ออื่น ๆ ตาย หลังการรักษาด้วยรังสีบำบัด
  • รักษาแผลเรื้อรัง เช่น แผลกดทับ แผลเบาหวาน
  • รักษาพิษจากการสูดดมควันและก๊าซ เช่น พิษคาร์บอนมอนอกไซด์
  • รักษาแผลไฟไหม้ และน้ำร้อนลวก
  • รักษาการเสียเลือดมากที่ไม่สามารถให้ถ่ายเลือดได้

 ขณะนี้แพทย์กำลังศึกษาผลการนำ HBOT รักษาโรคอีกหลายชนิด เช่น ภาวะเส้นเลือดสมองอุดตัน และสมองพิการ ภาวะการบาดเจ็บจากกีฬา รวมทั้งโรคเขตร้อน เช่น มาลาเรีย,ทางเลือกสำหรับ Anti aging

ขณะบำบัดด้วย HBOT ผู้ป่วยต้องปรับความดันอากาศที่มีอยู่ในร่างกายให้สมดุลกับความกดอากาศภายนอก ภาวะบางอย่าง เช่น การติดเชื้อทางเดินหายใจ ไซนัสและหู อาจทำให้ผู้ป่วยปรับความดันได้ไม่ดี จึงต้องตรวจก่อนการรักษา ผู้ป่วยโรคปอดหรือบาดเจ็บที่ปอดและมีอากาศค้างอยู่นอกถุงลม อาจได้รับอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงของความกดดันได้ จึงจำเป็นต้องตรวจเอกซเรย์ปอดก่อนทำการรักษา

อาการเป็นพิษของออกซิเจน จะเกิดเมื่อใช้ความดันสูงเกินกว่า 3 บรรยากาศ (ความลึก 60 ฟุต) ทำให้ผู้ป่วยชักกระตุกคล้ายการชักแบบลมบ้าหมูได้ สามารป้องกันได้โดยใช้ความดันให้ต่ำกว่า 3 บรรยากาศ หรือน้อยกว่าความลึก 60 ฟุต แต่ขึ้นกับความทนของแต่ละบุคคลจะไม่เหมือนกัน

การบาดเจ็บจากความกดดัน เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยใน HBOT เช่น ทำให้เกิดอาการหูอื้อ ปวดหู หรือปวดไซนัส เกิดจากผู้ป่วยไม่สามารถปรับความดันในโพรงอากาศในอวัยวะเหล่านี้ได้ไม่ดีนัก ต้องรักษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ด้วยคุณประโยชน์อันมหาศาลของการนำออกซิเจนความดันสูงมารักษาโรค แต่หากไม่อยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ อาจก่อให้เกิดอันตรายได้

ศูนย์บำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูงของร.พ.กรุงเทพพัทยา เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ศึกษาและเรียนรู้เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ใต้น้ำและการบิน ที่มีประสบการณ์สูง จากการปฏิบัติงานในกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีชื่อเสียงในการรักษาพยาบาลด้วยวิธีนี้ พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือและเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อให้การบริการที่ทันสมัยและมีคุณภาพ

ในขณะให้การบำบัด ผู้ใช้บริการจะมีความสะดวกสบายและเป็นส่วนตัว เพราะทางร.พ.เลือกใช้ Monoplace  hyperbaric chamber สำหรับผู้ป่วยเพียงคนเดียว ขนาดเล็กเฉพาะตัวและใช้ออกซิเจนสำหรับเพิ่มความดันโดยตรง ผู้ป่วยจึงหายใจออกซิเจนบริสุทธิ์โดยไม่ต้องใช้หน้ากากในขณะที่สามารถดูโทรทัศน์บนผนัง โปร่งใสหรือหลับพักผ่อนระหว่างการบำบัดได้อย่างเป็นส่วนตัวที่สุด