Skip to content

ความแตกต่างของ ตกขาวสีน้ำตาลตั้งแต่วัยรุ่น วัยเจริญพันธุ์ ไปจนถึงวัยทอง

ตกขาวสีน้ำตาล เป็นอาการที่ผู้หญิงหลายคนอาจพบเจอ แต่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกันในทุกช่วงวัย บางครั้งอาจไม่มีนัยยะทางสุขภาพ แต่บางครั้งก็อาจบ่งบอกถึงปัญหา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่การเข้าใจความแตกต่างในช่วงวัยต่างๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไปรู้ลึกถึงสาเหตุ อาการ และแนวการดูแลในแต่ละช่วงวัย ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยทอง 

ตกขาวสีน้ำตาลในวัยรุ่น

ทำไมวัยรุ่นถึงมีตกขาวสีน้ำตาล

วัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่ร่างกายมีการปรับตัวของระบบสืบพันธุ์อย่างรวดเร็ว ฮอร์โมนเพศหญิง (เช่น เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน) มีการเปลี่ยนแปลงวนตามรอบเดือน ส่งผลให้บางครั้งมีฮอร์โมนแปรปรวน มีเลือดออกปริมาณน้อยผสมตกขาว จึงทำให้เกิดลักษณะน้ำตาลอ่อนๆ

สาเหตุอื่นๆ ในวัยรุ่นที่ควรระวัง

  • ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
  • การมีเพศสัมพันธ์ (ทั้งทีผู้ปกครองรับรู้และไม่รับรู้) และไม่ได้คุมกำเนิดอาจมีการตั้งครรภ์และมีภาวะแทรกซ้อน เช่น แท้งบุตร หรือตั้งครรภ์นอกมดลูก

แนวทางดูแลอย่างเหมาะสม

  1. สังเกตอาการร่วม เช่น ประจำเดือนรอบปกติขาดหายไป และมีเลือดออกกระปริบกระปรอยแทนปวดหน่วงท้องน้อยร่วมด้วย
  2. ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 1 – 2 สัปดาห์ ควรไปพบสูตินรีแพทย์ 

ตกขาวสีน้ำตาลในวัยเจริญพันธุ์

สาเหตุหลากหลายของตกขาวสีน้ำตาลในวัยทำงาน

ในช่วงวัยนี้ มักมีการตั้งครรภ์ การใช้ยาคุม หรือการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนจากความเครียด ซึ่งทั้งหมดอาจกระทบต่อมูกในช่องคลอด

  • การตั้งครรภ์ อาจมีเลือดออกเล็กน้อยระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งถือเป็นอาการผิดปกติควรหาสาเหตุ
  • ยาคุมกำเนิด บางชนิดอาจทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เกิดตกขาวสีน้ำตาลได้
  • ฮอร์โมนแปรปรวน ซึ่งมักจะเกิดบ่อยช่วงวัยรุ่น และ วัยใกล้หมดประจำเดือน และยังสามารถเกิดได้ในวัยเจริญพันธุ์ด้วย

สัญญาณเตือนที่ควรมาพบแพทย์

  • ประจำเดือนรอบปกติขาดไปและมีเลือดออกผิดปกติ
  • มีอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์หรืออุจจาระ
  • ปวดหรือเลือดออกระหว่างมีเพศสัมพันธ์
  • หากพบอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์โดยเร็ว

แนวทางการดูแลและป้องกัน

  • ตรวจภายใน ตรวจหาเชื้อมะเร็งปากมดลูก (Pap smear, HPV, Vaginal swab)
  • ทานยาคุมกำเนิดให้ตรงเวลา และไม่ลืมทานยาคุมกำเนิด
  • บริหารจัดการความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ 

ตกขาวสีน้ำตาลในวัยทอง

ฮอร์โมนลดลงกับตกขาวสีน้ำตาลในวัยทอง

ในวัยทอง (ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป) ร่างกายจะผ่านภาวะหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเพศหญิงลดลงอย่างมาก จึงไม่มีประจำเดือน หากมีเลือดออกทางช่องคลอด ควรหาสาเหตุทุกราย

ความเสี่ยงด้านสุขภาพ

  • เยื่อบุช่องคลอดย่อบางลง อาจมีอาการเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์,ไม่มีน้ำหล่อลื่นในบางคน ซึ่งเป็นภาวะที่สามารถแก้ไขได้ เช่น มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ควรหาสาเหตุ
  • มีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น
  • ต้องสังเกตความผิดปกติอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะเนื้องอกหรือมะเร็ง

วิธีดูแลตัวเองในช่วงวัยทอง

  1. ปรึกษาแพทย์เรื่องฮอร์โมนทดแทน (HRT)
  2. หากมีอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ แม้ใช้เจลหล่อลื่นสูตรน้ำทางช่องคลอดแล้ว สามารถปรึกษาแพทย์สูตินารีได้
  3. ตรวจสุขภาพเช็คมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ

วิธีดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันและลดอาการตกขาวสีน้ำตาล

เคล็ดลับดูแลตัวเองในแต่ละวัน

  • ดูแลสุขอนามัยพื้นฐาน
  • หากมีตกขาวมาก ระหว่างวันล้างด้วยน้ำเปล่าและซับให้แห้งค่อยสวมชั้นใน
  • ทำความสะอาดด้วยน้ำยาอนามัย ไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์สัมผัสโดยตรงที่อวัยวะเพศ ควรเป็นน้ำยาเจือจาง และล้างบริเวณท้องน้อยก่อน ให้เหลือปริมาณน้อยแล้วค่อยมาล้างบริเวณอวัยวะเพศภายหลัง

เมื่อต้องพบแพทย์

แพทย์อาจตรวจด้วยวิธีดังนี้:

  • ตรวจภายในเช็คมะเร็งปากมดลูก
  • ตรวจปัสสาวะเพื่อดูการตั้งครรภ์
  • ใช้การอัลตราซาวด์ตรวจทางช่องท้อง หรือ ทางหน้าท้อง
  • ในรายที่อายุ 45 ปีขึ้นไป อาจตรวจสุ่มชิ้นเนื้อโพรงมดลูกตรวจ หรือ ขูดมดลูก

ตกขาวสีน้ำตาล อาจไม่ได้เป็นอันตรายเสมอไป แต่ก็ไม่ควรละเลย ความสำคัญอยู่ที่การเข้าใจบริบทในแต่ละช่วงวัย

  • วัยรุ่น: ฮอร์โมนยังเปลี่ยนแปลงมาก
  • วัยเจริญพันธุ์: อาจเกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ การรับประทานยาคุมกำเนิดไม่สม่ำเสมอ และฮอร์โมนแปรปรวน
  • วัยทอง: เยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อบาง มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และฮอร์โมนแปรปรวน

หมั่นสังเกตอาการ ตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อดูแลสุขภาพผู้หญิงอย่างยั่งยืน แต่หากพบอาการรุนแรง ไม่ควรชะล่าใจ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาอย่างถูกวิธี 

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์

ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา
ศูนย์สุขภาพสตรี

แชร์ :

บทความสุขภาพที่เกี่ยวข้อง