Skip to content

นอนกรน อันตรายไหม? เช็กสัญญาณเสี่ยง และ 5 วิธีแก้ไขที่คุณอาจไม่เคยรู้!

นอนกรน คืออะไร? อาการที่หลายคนมองข้าม!

นอนกรน เป็นภาวะที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในลำคอขณะหายใจระหว่างนอนหลับ เสียงกรนสามารถมีตั้งแต่ระดับเบา ๆ ไปจนถึงเสียงดังมากจนน่ารำคาญ แต่ที่สำคัญกว่านั้น นอนกรนอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง

หลายคนอาจเคยสงสัยว่า “นอนกรน อันตรายไหม?” จริง ๆ แล้ว ถ้านอนกรนแบบปกติและไม่มีอาการอื่นร่วมด้วยก็อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่หากมี เสียงกรนดังผิดปกติ หยุดหายใจเป็นช่วง ๆ หรือรู้สึกเหนื่อยผิดปกติหลังตื่นนอน อาจหมายถึง ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea: OSA) ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง 

นอนกรน อันตรายไหม? เช็ก 5 สัญญาณเสี่ยงที่ต้องระวัง!

หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้ ควรรีบหาทางแก้ไขก่อนที่ปัญหาสุขภาพจะลุกลาม

1. นอนกรนเสียงดังมาก จนรบกวนคู่นอน

หากเสียงกรนดังขึ้นเรื่อย ๆ และเกิดขึ้นทุกคืน อาจเป็นสัญญาณว่าทางเดินหายใจของคุณแคบลง

2. หยุดหายใจเป็นช่วง ๆ ระหว่างนอน

ถ้าคู่ของคุณสังเกตเห็นว่า คุณหยุดหายใจสั้น ๆ แล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมา นั่นอาจเป็นอาการของ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก

3. ตื่นมาแล้วรู้สึกเพลีย แม้นอนครบ 7-8 ชั่วโมง

หมายความว่า คุณภาพการนอนไม่ดี เพราะออกซิเจนในร่างกายลดลง

4. ปวดหัวตอนเช้า หรือปากแห้งเมื่อรู้สึกตัว

เป็นผลจากการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะและรู้สึกอ่อนเพลีย

5. ง่วงมากผิดปกติในเวลากลางวัน

ถ้าคุณหลับในขณะทำงาน ขับรถ หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ อาจเป็นเพราะร่างกายไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เนื่องจาก นอนกรนรุนแรง

 

5 วิธีแก้นอนกรนที่คุณอาจไม่เคยรู้!

หากคุณมีอาการนอนกรนแบบรุนแรง หรือมีสัญญาณเสี่ยงที่กล่าวไปข้างต้น ลองใช้ 5 วิธีเหล่านี้ดูค่ะ

1. ฝึกกล้ามเนื้อลิ้นและลำคอ ลดอาการกรนแบบธรรมชาติ

  • ท่าบริหารง่าย ๆ เช่น แลบลิ้นค้างไว้ 10 วินาที หรือออกเสียง “อา-อี-อู” ซ้ำ ๆ 20 ครั้งต่อวัน สามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในลำคอและลดอาการกรนได้

2. ใช้หมอนกันกรน หรือเตียงปรับระดับ

  • หมอนกันกรนถูกออกแบบให้ รองรับศีรษะและลำคอในมุมที่เหมาะสม ลดแรงกดทับที่ทำให้เกิดเสียงกรน
  • เตียงปรับระดับที่สามารถ ยกศีรษะให้สูงขึ้นประมาณ 30 องศา ช่วยเปิดทางเดินหายใจได้ดีขึ้น

3. หลีกเลี่ยงอาหารบางประเภทก่อนนอน

  • อาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของทอด เนื้อสัตว์ติดมัน อาจทำให้กล้ามเนื้อคอคลายตัวมากขึ้น
  • ควรหลีกเลี่ยง นมวัวหรือผลิตภัณฑ์จากนมก่อนนอน เพราะอาจทำให้เกิดเสมหะและอุดกั้นทางเดินหายใจ

4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ ลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในลำคอ

  • ถ้าร่างกายขาดน้ำ เนื้อเยื่อในลำคอและโพรงจมูกจะแห้งและเหนียวขึ้น ทำให้เกิดเสียงกรนดังขึ้น

5. ใช้แอปพลิเคชันตรวจจับเสียงกรน

  • เทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมการนอน เช่น
  • SnoreLab – ตรวจจับเสียงกรนและประเมินความรุนแรงของปัญหา
  • Sleep Cycle – วิเคราะห์คุณภาพการนอนและแนะนำวิธีแก้ไข

สรุป นอนกรนไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ป้องกันก่อนสายเกินไป!

นอนกรน” อาจเป็นมากกว่าปัญหาเสียงดังรบกวน แต่เป็นสัญญาณเตือนสุขภาพที่ต้องใส่ใจ หากมี เสียงกรนดังผิดปกติ หยุดหายใจเป็นช่วง ๆ หรือรู้สึกเหนื่อยล้าแม้นอนครบชั่วโมง ควรรีบปรึกษาแพทย์ ลองใช้ 5 วิธีแก้นอนกรนนี้ เพื่อปรับปรุงสุขภาพการนอนของคุณ และลดความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

 ถ้าคุณหรือคนใกล้ตัวมีปัญหานอนกรน ควรรีบแก้ไขก่อนที่จะกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว!

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาโรคลมชัก, อายุรศาสตร์การนอนหลับ

ศูนย์สมองและระบบประสาท  โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา

New call-to-action

แชร์ :

บทความสุขภาพที่เกี่ยวข้อง